สวัสดีครับมาถึงตอนแรกของรีวิวเที่ยวญี่ปุ่นรอบล่าสุด 2018 ของผมที่เพิ่งไปมาเมื่อวันที่ 27 มค - 4 กพ ที่ผ่านมานี่เองครับ รับรองว่าจะรีวิวอย่างละเอียดเหมือนเดิมแน่นอนครับผม สำหรับทริปนี้เพื่อนๆสามารถไปดูข้อมูลรวมว่าผมไปที่ไหนบ้าง พักโรงแรมที่ไหนบ้าง หรือกินเที่ยวที่ไหนได้ที่หน้ารวมของรีวิวรอบนี้ครับ >> https://www.mu-ku-ra.com/2018/02/review-japan-2018.html
สำหรับตอนที่ 01 นี่เป็นวันแรกของการเดินทางครับและเป็นครั้งแรกด้วยที่ผมเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศด้วยสายการบินฟูลเซอร์วิช จึงจะเขียนรีวิวค่อนข้างยาวหน่อยจะได้เข้าใจง่ายๆกัน ว่าจะต้องมีวิธีและขั้นตอนยังไงบ้าง
ทริปเที่ยวญี่ปุ่นครั้งนี้ผมเลือกบินกับ Hong Kong Airlines ครับ โดยจองโปรโมชั่น + กับการจองโรงแรมคู่กันไปด้วยผ่านทาง expedia ได้ราคาไป - กลับ + โรงแรม 2 คืนที่โตเกียว 12,500 บาท บางช่วงราคาอาจจะถูกกว่านี้ก็ได้นะครับ แต่ผมอาจจะจองช้าไปหน่อย
สำหรับสายการบิน Hong Kong Airlines ที่บินไปญี่ปุ่นนั้น ต้องไปต่อเครื่องที่ฮ่องกงนะครับ ตอนที่จองผมก็กังวลว่าจะมีขั้นตอนที่ยุ่งยากหรือเปล่า เนื่องจากว่าขาไปมีเวลาต่อเครื่องแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น
กรุงเทพ 04:00 น. - ฮ่องกง 08:05 น. ไฟลท์ HX 774 ใช้เครื่องบินแบบ Airbus A330-300
ฮ่องกง 09:15 น. - นาริตะ 14:30 น. ไฟลท์ HX 608 ใช้เครื่องบินแบบ Airbus A330-300
ด้านบนคือไฟลท์บินของผมสำหรับขาไปครับ
** ถ้าใครอยากเลือกที่นั่งล่วงหน้าของสายการบิน Hong Kong Airlines ก็สามารถทำได้ฟรีนะครับ ผมทำรีวิวไว้แล้วสามารถดูได้ที่ >> http://www.mu-ku-ra.com/2017/12/Hong-Kong-Airlines-Seat.html
ผมเริ่มออกเดินทางวันที่ 27 มกราคา 2018 ครับผม เนื่องจากว่าจองไฟลท์ตี 4 เลยต้องมาถึงสนามบินราวๆตี 2 ใครที่เดินทางกับสายการบิน Hong Kong Airlines ก็มาจอดรถหรือลงรถได้ที่ประตู 6 ครับ
มาถึงแล้วก็ไปเช็คอินกันครับเค้าเตอร์ของ Hong Kong Airlines จะอยู่ที่แถว K ครับผมคนค่อนข้างเยอะเลยทีเดียวครับ
สิ่งที่ผมจะแนะนำอีกอย่างนึงก็คือให้ทำการ Check-In Online มาก่อนครับ จะมีเค้าเตอร์ต่างหากแถมคนน้อยมากๆด้วย แตกต่างจากแถวเช็คอินปกติที่คิวยาวมากครับ ถ้าใคร Check-In Online ไม่เป็นผมทำรีวิวไว้ให้แล้วครับ สามารถเข้าไปทำตามได้เลยครับ >> http://www.mu-ku-ra.com/2018/02/check-in-online-Hongkong-Airline.html
เอกสารที่ใช้ก็แค่พาสปอรต์อย่างเดียวครับ ยื่นให้พนักงานได้ครับ
Hong Kong Airlines นั้นสามารถโหลดกระเป๋าได้คนละ 20 กิโลกรัมนะครับสำหรับชั้นประหยัด และสามารถถือขึ้นเครื่องได้อีกคนละ 7 กิโลกรัมครับ
ขาไปกระเป๋าผมหนักแค่ 11 กิโลเท่านั้นเอง เหลือเก็บไว้ใส่ของฝากขากลับ
เมื่อเช็คอินเสร็จแล้วเจ้าหน้าที่เค้าก็จะให้ Boarding Pass มาทั้งหมด 2 ใบนะครับ เนื่องจากว่าเราบินแบบต่อเครื่องไปญี่ปุ่น อีกใบเอาไว้ไปขึ้นเครื่องที่ฮ่องกงครับ ส่วนกระเป๋าที่เราโหลดไปนั้นจะไปรับที่ปลายทางสนามบินนาริตะเลยครับผม
Boarding Pass ทั้ง 2 ใบที่ได้มาครับ
ใบแรก >> กรุงเทพ 04:00 น. - ฮ่องกง 08:05 น. ไฟลท์ HX 774
ใบที่สอง >> ฮ่องกง 09:15 น. - นาริตะ 14:30 น. ไฟลท์ HX 608
สำหรับไฟลท์แรกที่จะไปฮ่องกง ผมจะต้องไปขึ้นเครื่องที่ Gate หมายเลข G3 ครับ ส่วนใบที่สองเค้าจะยังไม่ได้ระบุ Gate เราต้องไปดูที่จอเมื่อถึงสนามบินฮ่องกงแล้ว
เมื่อได้ Boarding Pass ก็เข้าไปด้านในกันเลยครับ เดียวนี้คนไทยไปต่างประเทศไม่ต้องเขียนใบ ตม. แล้วนะครับ ใช้วิธีแสกนนิ้วมือเอาเลยก็สะดวกดีครับผม
ต้องเดินไปที่ส่วนของผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศครับขึ้นบันไดเลื่อนไปด้านบน
หลังจากที่ผ่านกระตรวจความปลอดภัยแสกนร่างกายและผ่าน ตม. แล้วก็จะเข้ามาที่ด้านในครับ Gate ของเราหมายเลข G3 ก็เดินตามป้าย G ไปเลยครับ ในภาพด้านบนก็คือเลี้ยวขวาครับ
เดินตามป้าย G ไปเรื่อยๆไม่หลงแน่นอนครับ
ถึงแล้วครับ Gate หมายเลข G3 ที่เราจะต้องมาขึ้นเครื่องครับ
เมื่อถึงเวลา Boarding ก็เดินไปขึ้นเครื่องครับง่ายๆ
นั่งประจำที่ตำแหน่ง 14 A สำหรับเครื่องบินของ Hong Kong Airlines ที่ผมนั่งนั้นจะจัดแถวแบบ 2-4-2 นะครับ ถ้าอยากนั่งริมหน้าต่างแบบ 2 คน ก็แนะนำให้จองที่นั่งล่วงหน้าไว้ก่อนครับตามวิธีที่แนะนำไปด้านบน
แถวที่นั่งก็สบายๆครับไม่ได้อึดอัดอะไรผมสูง 185 ก็ยังมีพื้นที่เหลือตรงหัวเข้านะครับ
มีจอ TV ส่วนตัวให้ดูหนัง ฟังเพลง ไปตลอดทางครับ แต่ไฟลท์บินเช้าขนาดนี้ส่วนมากจะหลับกันซะมากกว่าครับ แฮ่ๆ
ขึ้นมานั่งไม่เท่าไหร่พนักงานก็มาแจกหูฟังครับ เอาไว้ดูหนัง ฟังเพลงบนเครื่อง
หลังจากที่เครื่องขึ้นแล้วก็แจกอาหารครับ สำหรับไฟลท์ 4.00 น. ก็จะแจกแค่นี้ครับเป็นขนมปังแฮมชีส และเครื่องดื่มต่างๆ แล้วแต่เราจะเลือกครับ
เห็นแบบนี้ก็อร่อยดีครับ อุ่นมาร้อนๆทานกับน้ำส้ม หลังจากที่ทานเสร็จก็หลับยาวเลยครับ
ตื่นมาก็จะถึงสนามบินฮ่องกงแล้ว
มาถึงสนามบินฮ่องกงตามเวลาครับ
มาถึงขั้นตอนที่ก่อนมาผมจะกังวลที่สุดครับ เพราะเพิ่งเคยจะมาต่อเครื่องครั้งแรก กลัวว่าจะยุ่งยากมั้ย จะไปต่อเครื่องทันมั้ย สรุปแล้วมันง่ายมากๆเลยครับ
หลังจากที่ออกจากเครื่องมาที่อาคารผู้โดยสารแล้ว ก็ให้เดินตามป้าย Tranfer ครับ
มาเช็กสถานะของไฟลท์ที่เราจะนั่งต่อไปญี่ปุ่นกันหน่อยครับว่าต้องไปขึ้นที่ Gate ไหน ก็ควัก Boarding Pass อีกใบขึ้นมาดูครับว่าไฟลท์ของเราหมายเลขอะไร ของผมไฟลท์ HX 608 ต้องไปขึ้นที่ Gate หมายเลข 212 ครับ
เดินมาถึงตรงนี้จะเห็นป้ายสำหรับผู้โดยสารที่จะ Tranfer สำหรับ Gates 201 - 230 ก็เดินเข้าไปได้เลยครับ
ด้านในจะมีเจ้าหน้าที่มาตรวจ Boarding Pass ของเราอีกครั้ง และจะต้องแสกนกระเป๋าอีกรอบครับ เมื่อเสร็จแล้วก็เดินออกไปด้านนอกขึ้นบันไดมาก็จะเจอส่วนของผู้โดยสารขาออกแล้วครับ
หลังจากที่ออกจากส่วนเมื่อกี้ เดินขึ้นมาก็จะเป็นแบบนี้ครับ จากนั้นก็ให้มองหาป้ายว่า Gate ของเรานั้นไปทางไหน ของผม Gaet 212 ก็ให้เดินไปทางขวามือครับ
เดินเลี้ยวขวามาก็เจอแล้วครับหาง่ายมากๆ สรุปว่าผมใช้เวลาตั้งแต่ลงจากเครื่องมาจนถึงรอหน้า Gate ไม่ถึง 30 นาทีเลยครับ ทำให้มีเวลาไปเข้าห้องน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน ก่อนที่จะต้องขึ้นเครื่องอีกกว่า 4 ชั่วโมงไปยังประเทศญี่ปุ่น
มาถึงการบินต่อที่สองครับ ฮ่องกง 09:15 น. - นาริตะ 14:30 น. ไฟลท์ HX 608 ที่นั่ง 61K ต่อแถวขึ้นเครื่องปกติครับ
ผมนั่งโซนหลังๆของเครื่องครับ
แถวที่นั่งก็เหมือนขามาจากกรุงเทพครับ 2-4-2
ใครชอบกว้างๆเหยียดขายาวๆก็ต้องตรงนี้เลยครับ ตรงประตูฉุกเฉิน
มานั่งประจำที่เตรียมตัวเดินทางต่อครับ
เหมือนขาแรกเลยครับ แจกหูฟังแบบเดียวกันเป๊ะ
จากนั้นแอร์ก็จะเดินแจก ใบ ตม. ประเทศญี่ปุ่น ใครเขียนไม่เป็นก็สามารถดูวิธีการเขียนได้จาก >> http://www.mu-ku-ra.com/2016/03/1-2559.html ครับ
ได้เวลาเดินทางต่อ เครื่องขึ้นจากสนามบินนานาชาติฮ่องกงตรงตามเวลาครับ
ส่วนอาหารของไฟลท์จะมีให้เลือก 2 อย่างครับ
- ผัดหมี่ ติ่มซำ สไตร์ฮ่องกง
- อาหารสไคร์ตะวันตก
ผมว่าอาหารเช้าแบบที่ 2 มีรสชาติกว่าครับ ผัดหมี่จะออกจืดๆไปหน่อย
ส่วนเครื่องดื่มนั้นก็ขอได้ตลอดการเดินทางครับ
หลังจากนั้นก็หลับยาวเลยครับใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงกว่าก็เริ่มเข้าสู่เขตสนามบินนาริตะ
ทะเลด้านล่างเป็นน้ำแข็งเลยครับ
แล้วก็แลนดิ้งตรงตามเวลาครับ Hong Kong Airlines จะจอดที่สนามบินนาริต ทอลมินอล 2 นะครับ
อ่อ...สำหรับใครที่จะดูหนังหรือฟัง แล้วหาที่เสียบหูฟังไม่เจอแบบผม มันอยู่ตรงนี้ครับ ปลายที่วางแขนของเรานั่นเอง ผมก็หาตั้งนานฮ่าๆ
ที่นั่งแบบคู่ครับ
ลงจากเครื่องแล้วก็ให้เดินตามป้ายรูปกระเป๋านี้ไปเลยครับ
เดินตามป้ายมาเรื่อยๆก็จะมาเจอกับด่านตรวจคนเข้าเมืองของญี่ปุ่นครับ ก็เดินต่อแถวเข้าไปเขียนใบ ตม. ให้เรียบร้อย ผมมาเที่ยวญี่ปุ่น 4-5 ครั้ง ไม่เคยเจอ ตม. ถามอะไรเลยซักครั้งนะครับ ผ่านง่ายมากๆ ใครที่กังวลกลัวว่าจะไม่ผ่าน ก้ไม่ต้องกลัวหลอกครับ ถ้าเราตั้งใจมาเที่ยวจริงๆ มีแพลนเที่ยว ตั๋วรถไฟ จองโรงแรมต่างๆ แล้วผมว่ายังไงก็ผ่านครับ
หลังจากผ่าน ตม. ออกมาแล้วก็จะมาเจอกับส่วนของสายพานกระเป๋าครับ รับกระเป๋าของเราแล้วก็ออกไปด้านนนอกได้เลย
ออ...ก่อนจะออกไปด้านนอกจะต้องผ่านด่านศุลกากร ก่อนนะครับยื่นใบศุลกากรกับพาสปอรต์ให้เจ้าหน้าที่ หลังจากนั้นก็ออกไปด้านนอกได้เลย
ก็เป็นอันจบการเดินทางครับ มาถึงจุดหมายตามเวลา ใครที่จอง Hong Kong Airlines มาญี่ปุ่น ก็ลองดูไว้เป็นตัวอย่างได้ครับ การต่อเครื่องก็ไม่ได้ยากอะไรเลยครับ
เดียวรีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนหน้าผมจะพาเข้าเมืองไปพักที่ Sotetsu Fresa Inn Nihonbashi Kayabacho ครับ
ติดตามชมกันได้นะครับ.....
ชมรีวิวเที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาวทั้ง 18 ตอนอย่างละเอียด
เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว #01 รีวิววิธีเดินทางจากสุวรรณภูมิด้วย Hong Kong Airlines ต่อเครื่องไปลงนาริตะ
เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว #02 รีวิวโรงแรม Sotetsu Fresa Inn Nihonbashi Kayabacho พร้อมวิธีเดินทาง
เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว #03 พาชิมราเม็งข้อสอบ Ichiran Ramen สาขา Ueno พร้อมวิธีสั่งและวิธีเดินทาง
เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว #04 พาเที่ยวสวนสตรอว์เบอร์รี (Ichigo mura)ตัดแล้วกินสดๆจากต้น พร้อมวิธีเดินทาง
เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว #05 เดินเล่นย่าน Ueno พาชิมมันปูย่างร้าน isomaru suisan สาขาตลาด ameyoko
เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว #06 พาเดินเที่ยว karuizawa outlet มีทุกแบรนด์ช็อปปิ้งพร้อมวิธีเดินทางจากโตเกียว
เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว #07 รีวิวโรงแรม Manza Kogen Hotel แช่ออนเซ็นกลางหิมะ พร้อมวิธีเดินทางอย่างละเอียด
เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว #08 รีวิววิธีเดินทางไป HAKODATE ด้วย JR East-South Hokkaido Rail Pass ไม่ยากเลย
เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว #09 รีวิวโรงแรม Hotel Sharoum-inn 2 ที่พักราคาถูกใกล้สถานี JR HAKODATE
เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว #10 รีวิวพาเที่ยว HAKODATE 1 วัน เก็บครบ ที่เที่ยว ที่กิน พร้อมวิธีเดินทาง
เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว #11 เดินทางไป Sapporo พาเที่ยว Tenguyama Ropeway ชมวิวคลองโอตารุ (Otaru Canal Area)
เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว #12 รีวิวโรงแรม Hotel Sunroute Sapporo ที่พักราคาไม่แพง ใกล้สถานี Jr Sapporo
เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว #13 พาเที่ยว Sapporo 1 วัน เก็บครบ ที่เที่ยว ที่กิน พร้อมวิธีเดินทางอย่างละเอียด
เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว #14 ไปชิมราเมง ที่ตรอกราเมน Ramen Alley Sapporo พร้อมวิธีเดินทาง
เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว #15 รีวิววิธีเดินทางจาก Sapporo ยิงยาวไปสนามบิน Narita ด้วย JR East-South Hokkaido
เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว #16 รีวิวโรงแรม Narita Airport Rest House ที่พักใกล้สนามบิน มีรถรับ-ส่ง สะดวกมากๆ
เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว #17 กลับไทยด้วย Hong Kong Airlines พร้อมวิธีและขั้นตอนต่างๆ ที่สนามบินนาริตะ
เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว #18 พาเที่ยว HongKong 1 วัน ระหว่างรอต่อเครื่องกลับกรุงเทพ พร้อมวิธีเดินทางไปสถานที่ต่างๆ
ไม่มีความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น