Search

เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว #10 รีวิวพาเที่ยว HAKODATE 1 วัน เก็บครบ ที่เที่ยว ที่กิน พร้อมวิธีเดินทาง

Advertisements

รีวิวพาเที่ยว HAKODATE 1 วัน เก็บครบ ที่เที่ยว ที่กิน พร้อมวิธีเดินทาง

มาถึงรีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 10 แล้วครับ...เมื่อตอนที่แล้วผมเดินทางมาถึงเมือง Hakodate แล้วเข้าพักที่โรงแรม Hotel Sharoum-inn 2 สามารถชมรีวิวได้ที่ >> https://www.mu-ku-ra.com/2018/02/Hotel-Sharoum-inn-HAKODATE.html หลังจากที่นอนพักเอาแรงอย่างเต็มอิ่ม วันนี้พร้อมออกเที่ยวแล้วครับ


โดยวันนี้ผมจะพาไปเที่ยว HAKODATE 1 วัน ครับมีเวลาตั้งแต่เช้าจนค่ำเลย ใครที่กำลังหาโปรแกรมเที่ยว HAKODATE 1 วัน ก็สามารถนำรีวิวนี้ไปปรับใช้ได้ครับ...พร้อมแล้วไปลุยกันเลยครับ

รีวิวเที่ยว HAKODATE 1 วัน

เช้านี้ผมตื่นมาประมาณ 7 โมงครับท้องฟ้าเป็นใจมากๆ มีแดดออกฟ้าใสเหมาะแก่การออกไปเที่ยวที่สุด โดยโปรแกรมแรกผมจะที่ไปที่ ตลาดปลา Asaichi Morning Market ครับ โดยผมจะใช้วิธีเดินไปจากโรงแรมก็ไม่ไกลมาก ตลาดปลาจะอยู่แถวๆสถานีรถไฟ JR Hakodate ครับ

จากแผนที่ด้านล่างจะเห็นว่าระยะทางจากโรงแรมไปยังตลาดปลาไม่ได้ไกลมากครับ


เดินไปได้สบายๆ ยิ่งวันนี้อากาศดีด้วย


เดินไปทางเดียวกับสถานีรถไฟเลยครับ


ถึงแยกนี้ให้เลี้ยวขวา


เห็นแดดดีๆแบบนี้แต่อากาศหนาวมากครับ


ด้านหน้าที่เห็นก็คือสถานี Hakodate ครับ


ตลาดปลา Asaichi Morning Market จะอยู่เลยจากสถานีไปไม่ไกลครับ จะเรียกว่าอยู่ติดกันก็คงจะได้ครับ



เดินข้ามถนนตรงนี้ไปก็ถึงแล้วครับ


ตลาดปลา Asaichi Morning Market เมือง HAKODATE

สำหรับตลาดเช้าฮาโกดาเตะ(Hakodate Morning Market) มีพื้นที่ประมาณ 4 ช่วงตึก เปิดเปิดเป็นประจำทุกวัน ตั้งแต่ตอนเช้าตีห้าถึงเที่ยงตรง ในตลาดจะจำหนายอาหารทะเลสด เช่น ปูคานิ ไข่ปลาแซลม่อน และหอยเม่นทะเล พร้อมทั้งผลไม้ต่างๆ บริเวณใกล้เคียงมีร้านอาหารหลายร้าน เมนูที่นิยมที่สุดคือ Uni-Ikura Domburi (ข้าวเสิร์ฟพร้อมหอยเม่นทะเลและไข่ปลาแซลม่อน)

ตลาดปลา Asaichi Morning Market เมือง HAKODATE

ผมมาถึงตลาดประมาณ 8 โมงครับ แต่คนไม่ค่อยมีเลย สงสัยเป็นวันธรรมดา

ตลาดปลา Asaichi Morning Market เมือง HAKODATE

แต่ละร้านจะมีรูปอาหารมานำเสนอ ชอบร้านไหนก็เดินเข้าไปทานกันได้

ตลาดปลา Asaichi Morning Market เมือง HAKODATE

มีทั้งของสดๆเป็นๆ รวมทั้งของที่แช่แข็งไว้ ปูญี่ปุ่นที่นิยมทานกันมีอยู่ 3 สายพันธุ์หลักๆ ตัวใหญ่ยักษ์สุด คือ ปูทาราบะ (King Crabs)  ปูสุวะอิ (หรือปูหิมะ) และ ปูเคกะนิ (หรือปูขน)

ตลาดปลา Asaichi Morning Market เมือง HAKODATE

ปูยักษ์ หรือ King Crab แบบเป็นๆครับ

ตลาดปลา Asaichi Morning Market เมือง HAKODATE

มีย่างขายกันสดๆด้วยนะครับ ราคาก็ตามป้ายเลย


ด้านในนี้จะเป็นเหมือนตลาดครับ มีของฝาก ของสด ผมไม้ขายรวมกันอยู่


ตลาดปลา Asaichi Morning Market เมือง HAKODATE

ก่อนจะออกไปเที่ยวต่อ ผมจะทานอาหารเช้าที่นี่เลยครับ เดินไปเดินมาไม่รู้จะเข้าร้านไหน เลยลองสุ่มๆดูครับ


มาลงเอยที่ร้านนี้ อยู่ตรงหัวมุมพอดี


เป็นร้านไม่ใหญ่มากขายข้าวหน้าปลาดิบต่างๆ มีขาปูยักษ์ด้วย

ตลาดปลา Asaichi Morning Market เมือง HAKODATE

เมนูก็ประมาณนี้ครับ

ตลาดปลา Asaichi Morning Market เมือง HAKODATE

เป็นเมนูอีกฝั่งของร้านนี้ครับ

ตลาดปลา Asaichi Morning Market เมือง HAKODATE

และอันนี้คืออาหารที่ผมสั่งมาทานครับ สดอร่อยมากๆครับ แต่น้ำซุปจะออกเค็มไปหน่อย

ตลาดปลา Asaichi Morning Market เมือง HAKODATE

ส่วนเซ็ตนี้ปลาแซลมอลย่างจะออกเค็มครับ ตั้งใจว่าสั่งย่างซีอิ๊วแต่ดันไปสั่งผิด ฮ่าๆ หลังจากกินอิ่มก็ได้เวลาไปยังจุดหมายต่อไปของการเที่ยวเมือง Hakodate ในวันนี้ครับ


ผมเดินกลับมาที่สถานี JR Hakodate ก่อนครับมาตั้งหลักก่อน และมาซื้อพาสที่จะใช้เดินทางสำหรับวันนี้ด้วย มีพาสขายหลายแบบนะครับ ขึ้นอยู่กับแพลนเที่ยวของเราว่าจะไปที่ไหนบ้างและแต่ละที่นั้นเดินทางด้วยวิธีไหน

- Tram 1-day pass ราคา 600 เยน
- Bus 1-day pass ราคา 800 เยน
- Tram + Bus 1-day pass ราคา 1,000 เยน
- Tram + Bus 2-day pass ราคา 1,700 เยน

สำหรับการ เที่ยว HAKODATE 1 วัน ของผมวันนี้ผมเลือกใช้แบบ Tram + Bus 1-day pass ราคา 1,000 เยน ครับ เนื่องจากว่าสถานที่ ที่ผมจะไปนั้นต้องนั่งรถบัสด้วย นั่งรถรางด้วย ก็เลยซื้อแบบนี้ครับ เผื่อขึ้นรถผิดจะได้ไม่ต้องกังวลกับค่ารถ


หน้าตาของบัตร Tram + Bus 1-day pass ราคา 1,000 เยน ครับ ต่อไปนี้ก็ลุยได้เลย ไม่ต้องกลัวว่าจะขึ้นรถผิด ขึ้นผิดก็ลงไปขึ้นคันใหม่ ฮ่าๆ


สำหรับจุดหมายต่อไปก็คือ สวนพฤกษศาสตร์ฮาโกดาเตะ (Hakodate Botanical Garden) ครับไปดูลิงแช่ออนเซ็นซะหน่อย โดยวิธีการเดินทางไปต้องนั่งรถบัสไปครับ


จากสถานี Hakodate ต้องไปขึ้นรถบัสหมายเลข 6 ครับ โดยไปรอขึ้นที่ป้ายหมายเลข 3 ครับ ป้านรถบัสก็อยู่หน้าสถานีเลย


ป้ายรถหมาย 3 จะมีรถบัสจอดทั้งหมด 3 สายครับ คือ สาย5 สาย6 สาย96 อย่าขึ้นผิดนะครับ


มาแล้วครับสาย 6 ที่จะนั่งไปยัง Hakodate Botanical Garden


วิธีการขึ้นก็ให้ขึ้นที่ประตูหลังครับ จากนั้นให้หยิบตั๋วใบเล็กๆตรงทางขึ้นมาด้วยนะครับ คนละ 1 ใบ มันจะตัวบอกว่าเราขึ้นมาจากป้ายไหน ตอนลงจะต้องใช้ตั๋วนี้พร้อมกับพาสของเรา


นั่งไปประมาณ 20 กว่านาทีได้ครับ เราจะไปลงที่ป้าย Nettai Shokubutsuen-Mae ถ้าใครกลัวลงผิดป้ายก็ให้สังเกตุครับถ้ารถกำลังจะข้ามสะพานฝั่งขวามือเป็นทะเล ฝั่งซ้ายจะเหมือนเป็นแม่น้ำเล็กๆ ก็เตรียมลงเลยครับ


รถจะจอดให้ลงตรงป้ายนี้ครับ


จากนั้นก็ให้เดินย้อนลงมา จะเจอกับไฟเขียว ไฟแดงให้ข้ามถนน สังเกตุตึกนี้ไว้ก็ได้ครับ


จากนั้นให้ข้ามถนนมาฝั่งนี้ครับ ก็จะเจอซอยทางเข้า สวนพฤกษศาสตร์ฮาโกดาเตะ (Hakodate Botanical Garden) แล้วครับ หาไม่ยาก


เดินเข้าไปได้เลยครับ มาหน้าหนาวหิมะตามทางก็จะเยอะแบบนี้ ต้องระวังลื่นด้วย

สวนพฤกษศาสตร์ฮาโกดาเตะ (Hakodate Botanical Garden) เมือง HAKODATE


สวนพฤษศาสตร์ฮาโกดาเตะ Hakodate Tropical Botanical Garden เป็นสวนพืชเขตร้อนขนาดใหญ่ ด้านในมีเรือนกระจกที่เป็นแหล่งเพาะพันธุ์พืชเขตร้อนกว่า 3000 สายพันธุ์ นอกจากสวนแล้วก็ยังมีโซนอื่นๆที่น่าสนใจเช่นกัน โดยเฉพาะลิงภูเขาที่ในช่วงหน้าหนาวลงไปแช่ออนเซ็น คล้ายกับที่นากาโน่นั่งเอง เวลาชมก็ต้องยืนชมจากด้านบนไม่สามารถเข้าไปใกล้ลิงได้

ส่วนในหน้าร้อนนั้นก็มีสวนน้ำและสนามเด็กเล่นซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของเด็กๆ พ่อแม่สามารถพาลูกมาเที่ยวชมธรรมชาติพร้อมกันเล่นน้ำได้ จึงทำให้สวนแห่งนี้เป็นอีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวยอดนิยมเพราะสามารถเที่ยวชมหลายๆอย่างได้ในที่เที่ยว


มาถึงทางเข้าแล้วครับ ต้องซื้อตั๋วก่อนครับ


ค่าเข้า ผู้ใหญ่ 300 เยน, เด็กประถม-มัธยมต้น 100 เยน

รีวิวพาเที่ยวสวนพฤกษศาสตร์ฮาโกดาเตะ (Hakodate Botanical Garden) เมือง HAKODATE

เข้ามาก็เจอกับเจ้าลิงน้อยก่อนเลยครับ

รีวิวพาเที่ยวสวนพฤกษศาสตร์ฮาโกดาเตะ (Hakodate Botanical Garden) เมือง HAKODATE

สามารถสัมผัสความน่ารักของลิงขี้หนาวแช่ออนเซ็นได้ตั้งแต่เดือนธันวาคมไปจนถึงต้นเดือนพฤษภาคม

รีวิวพาเที่ยวสวนพฤกษศาสตร์ฮาโกดาเตะ (Hakodate Botanical Garden) เมือง HAKODATE

น้องลิงเค้าจะอยู่ในส่วนของเค้านะคะ ไม่ขึ้นมาวุ่นวายกับคน


นอกจากจะมีบ่อออนเซ็นให้ลิงแช่แล้ว เค้าก็มีส่วนสำหรับคนด้วยนะครับ เป็นบ่อเล็กๆให้นั่งแช่เท้าได้ บ่อนี้ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าครับ



ที่นี่นอกจากลิงแล้วเค้าก็มีศูนย์วิจัยเพาะพันธุ์พืชเมืองให้เข้าไปชมด้วยครับ เดินเข้าไปเลย ด้านในจะอุ่นมากครับ เพราะเค้าปลูกพืชเขตร้อนแบบบ้านเรา

รีวิวพาเที่ยวสวนพฤกษศาสตร์ฮาโกดาเตะ (Hakodate Botanical Garden) เมือง HAKODATE

บรรยากาศจะมีความละม้ายคล้ายแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เอามากๆ

รีวิวพาเที่ยวสวนพฤกษศาสตร์ฮาโกดาเตะ (Hakodate Botanical Garden) เมือง HAKODATE

ดอกไม้ ต้นไม้ จะเป็นแบบที่เมืองไทยมี เลยไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไหร่ครับ ฮ่าๆ

รีวิวพาเที่ยวสวนพฤกษศาสตร์ฮาโกดาเตะ (Hakodate Botanical Garden) เมือง HAKODATE

มีต้นกล้วยด้วย

รีวิวพาเที่ยวสวนพฤกษศาสตร์ฮาโกดาเตะ (Hakodate Botanical Garden) เมือง HAKODATE

เดินทะลุศูนย์เพาะพันธุ์พืชไปด้านหลังก็จะเจอชายทะเลครับ วิวสวยดีครับ


หิมะหนานุ่มมาก


หลังจากที่เดินเล่นถ่ายรูปก็ได้เวลาเดินทางต่อแล้วครับ โดยจุดหมายต่อไปก็คือ Goryokaku Park ไปชมสวนรูปดาวครับ การเดินทางตรงนี้อาจจะงงหน่อยนะครับ เพราะผมไม่ได้เริ่มจากสถานี Hakodate แต่ผมจะเริ่มจาก สวนพฤกษศาสตร์ฮาโกดาเตะ (Hakodate Botanical Garden) ที่เพิ่งไปมาเมื่อกี้

ยืนงงอยู่พักใหญ่ๆ เพราะไม่แน่ใจเรื่องเส้นทางเลยเปิดกูเกิ้ลแมพ และก็ไปตามทางที่มันเสนอมาเลยครับ ฮ่าๆ...สนุกดี


ด้านบนก็คือระยะทางและเส้นทางที่จะต้องไป โดยผมก็เดินไปตามกูเกิ้ลบอกเลยครับ


โดยสเต็บแรกผมต้องเดินไปประมาณ 900 เมตรครับ จากสวนพฤกษศาสตร์ไปยังป้ายรถบัส


ออกจากสวนพฤกษศาสตร์ให้ข้ามถนนแล้วเดินไปทางซ้ายครับ เดินมาจนถึงสะพานนี้ แต่เรายังไม่ต้องข้ามนะครับให้เลี้ยวขวาเดินเลียบคลองไป


เดินตรงไปจะมีสะพานเล็กๆให้คนข้ามครับ


เดินข้ามสะพานเพื่อไปยังอีกฝั่ง ลงสะพานแล้วก็เดินตรงเข้าซอยไปเลยครับ ถ้ากลัวหลงแนะนำให้เปิดกูเกิ้ลแมพแล้วเดินตามไปก็ได้ครับ


เดินตรงยาวเลยครับ เจอถนนที่มีรถวิ่งให้เลี้ยวซ้าย จะเจอ 7-11


เดินเลย 7-11 ฝั่งตรงข้ามจะเจอกับตึกนี้ครับ ให้เดินเข้าซอยไปทางขวาตามรูปภาพด้านบนครับ


เดินตรงยาวมาเลยครับ จะเจอกับถนนใหญ่ป้ายรถบัสจะอยู่ซ้ายมือ


จากนั้นผมก็ดูกูเกิ้ลแมพอีกรอบมันบอกให้ขึ้นรถบัสสาย 10-6 ครับ ที่จริงมันมีรถหลายสายที่ผ่านนะครับ แต่แอฟมันจะคำนวนสายรถที่มาถึงก่อนให้


รถมาก็ขึ้นไปแบบ งงๆ ฮ่าๆ ไปลุ้นเอาว่าจะไปถึงมั้ย Goryokaku Park


นั่งมาเรื่อยๆ ก็จะสังเกตุเห็น Goryokaku Tower ครับ พอใกล้มากๆผมก็ตัดสินใจลงรถเลยครับ ไม่ได้ดูในแอฟหละว่ามันจะให้ลงป้ายไหน


ลงรถเสร็จผมก็เดินไปหาเจ้า Goryokaku Tower นี่เลย ฮ่าๆ นี่หละเป้าหมายที่จะขึ้นไปชมวิวเมือง Hakodate และ ป้อมดาว Goryokaku Park


เดินมา 5 นาทีก็ถึงแล้วครับ มีร้าน Lucky pierrot เบอร์เกอร์ดังประจำเมืองด้วย แต่ผมยังไม่แวะทาน เดียวค่อยไปทานตอนค่ำแทน

พาเที่ยว Goryokaku Tower ชมสวนรูปดาว เมือง HAKODATE

Goryokaku Tower เมือง HAKODATE


หอคอยโงเรียวกาคุ(Goryokaku Tower) เป็นหอคอยสูง 90 เมตร(รวมสายล่อฟ้าสูง 107 เมตร) ด้านบนเป็นรูปห้าเหลี่ยม ตั้งอยู่ทางทิศใต้ สร้างขึ้นในปี 2006 สามารถขึ้นไปชมวิวป้อมดาวห้าแฉกได้อย่างชัดเจนแบบ 360 องศา ซึ่งเป็นจุดฮิตที่มาเที่ยวป้อมโงเรียวกาคุแล้วจะต้องขึ้นไปชมวิวนี้ ชั้นล่างสุดที่ฐานเป็นร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหาร และลานจัดนิทรรศการ



ค่าตั๋วราคา 900 เยนครับ


ไปขึ้นหอคอยโกะเรียวคาคุกันครับ ที่ด้านบนจะมองเห็นป้อมดาวห้าแฉก เค้าบอกว่าถ้ามาดูช่วงซากุระบานจะสวยมาก แต่เรามาช่วงหน้าหนาว มองลงมาเจอสวนสีขาวที่เต็มไปด้วยหิมะ กับเมืองฮาโกดาเตะจากมุมสูง ก็สวยไปอีกแบบ

พาเที่ยว Goryokaku Tower ชมสวนรูปดาว เมือง HAKODATE

ขึ้นมาด้านบนคนไม่เยอะเท่าไหร่ครับ เนื่องจากว่าเป็นธรรมดา

พาเที่ยว Goryokaku Tower ชมสวนรูปดาว เมือง HAKODATE

ที่ด้านบนจะมีร้านขายของที่ระลึกด้วย

พาเที่ยว Goryokaku Tower ชมสวนรูปดาว เมือง HAKODATE

และนี่ก็คือไฮไลน์ของที่นี่ครับ ด้านล่างคือป้อมดาวห้าแฉก สวน Goryokaku Park ที่เต็มไปด้วยหิมะ ความงานในแต่ฤดูก็จะแตกต่างกันออกไปครับ หน้าร้อนจะเขียวๆ หน้าซากุระจะสวยที่สุด

พาเที่ยว Goryokaku Tower ชมสวนรูปดาว เมือง HAKODATE

ส่วนอีกฝั่งจะมองเห็นเมือง Hakodate ได้ทั้งเมืองเลย

พาเที่ยว Goryokaku Tower ชมสวนรูปดาว เมือง HAKODATE

อย่าลืมแวะทานไอศครีมด้วยนะครับ อร่อยดี

พาเที่ยว Goryokaku Tower ชมสวนรูปดาว เมือง HAKODATE

สำหรับจุดหมายต่อไปของผมก็คือจะไปหาอาหารเที่ยงทานครับ หาข้อมูลมาว่าแถวๆ Goryokaku Park มีร้านซูชิสานพานอร่อยครับ ชื่อร้านว่า Gourmet Sushi-Go-Round Kantaro เดียวผมจะเดินไปครับ จากรูปด้านบน ตำแหน่งที่ลูกศรชี้ก็คือร้านซูชิที่ผมจะไปทานครับ


จาก Goryokaku Tower เดินไปร้าน Gourmet Sushi-Go-Round Kantaro ระยางทาน 650 เมตรครับ


สามารถเปิดกูเกิ้ลแมพดูได้เลยครับสะดวกดี เดินลัดไปทางข้างๆสวนรูปดาวครับ


หิมะเยอะจริงๆ บรรยากาศก็สวยไปอีกแบบ


เดินมาจนถึงแยกนี้ ข้ามถนนไปก็เจอแล้วครับร้านซูชิสายพานชื่อดังของเมือง Hakodate


Gourmet Sushi-Go-Round Kantaro ซูชิสายพานเมือง HAKODATE


จากที่หาข้อมูลมาทั้งใน Pantip และใน tripadvisor มีแต่คนแนะนำร้านนี้ครับ แต่หารีวิวยากเหลือเกิน วันนี้เลยถือโอกาสมาลองเองซะเลยครับ ไหนๆก็มาแถวนี้แล้ว ด้านบนคือร้านซูชิที่ว่าครับ


เดียวเข้าไปด้านในกันเลย


ในร้านจะมีที่นั่ง 2 แบบครับ ก็คือถ้ามาหลายคนสามารถนั่งเป็นโต๊ะได้ และอีกแบบก็คือนั่งเป็นเค้าเตอร์บาร์ครับ

Gourmet Sushi-Go-Round Kantaro ซูชิสายพานเมือง HAKODATE

ราคาก็จะคิดตามสีของจาน เริ่มที่ 120 เยน หรือประมาณ 40 บาท ถือว่าเป็นราคาทั่วไปตามมาตรฐานซูชิสายพานครับ

Gourmet Sushi-Go-Round Kantaro ซูชิสายพานเมือง HAKODATE

ด้านบนคือเมนูของร้านนี้ครับ เยอะมากๆ สั่งแล้วเค้าจะทำใหม่ให้เราเลยนะครับ ปั้นกันสดๆเลย

Gourmet Sushi-Go-Round Kantaro ซูชิสายพานเมือง HAKODATE

น้ำชาดื่มฟรีครับ บริการตัวเอง

Gourmet Sushi-Go-Round Kantaro ซูชิสายพานเมือง HAKODATE

จากนั้นก็ได้เวลาลุย ด้วยความหิว สั่งมาเยอะเลย ฮ่าๆ

Gourmet Sushi-Go-Round Kantaro ซูชิสายพานเมือง HAKODATE

ภาพบางส่วนที่ยังเหลือไว้ถ่ายรูปทัน แฮ่ๆ จะบอกว่าเป็นซูชิสายพานที่อร่อยที่สุดเท่าที่เคยทานมาเลยครับ ของสดดี (เทียบกับซูชิสายพานด้วยกันนะครับ)

Gourmet Sushi-Go-Round Kantaro ซูชิสายพานเมือง HAKODATE

แซลมอลชิ้นหนาๆ

Gourmet Sushi-Go-Round Kantaro ซูชิสายพานเมือง HAKODATE

ทูน่าละลายในปากเลยชิ้นนี้

Gourmet Sushi-Go-Round Kantaro ซูชิสายพานเมือง HAKODATE

หอยเชลล์ชิ้นใหญ่ สดอร่อยมาก

Gourmet Sushi-Go-Round Kantaro ซูชิสายพานเมือง HAKODATE

สภาพหลังจากที่จัดการทุกอย่างจนหมด ตอนกินนี่สั่งเพลินเลยครับ ตอนจ่ายตังนี่มีสะดุ้ง 55

Gourmet Sushi-Go-Round Kantaro ซูชิสายพานเมือง HAKODATE

ค่าเสียหายมื้อนี้ครับทานกัน 2 คน ประมาณ 4,000 เยน อิ่มและอร่อยมากๆ

หลังจากที่ทานอิ่มแล้วเดียวผมจะกลับไปตั้งหลักที่สถานี JR Hakodate ก่อนครับโดยจะนั่งรถบัสไป ไหนๆก็ซื้อตั๋วแบบเหมามาแล้ว จากร้านซูชิผมเดินไปซอยหลังร้านครับเพื่อไปยังป้ายรถบัส


ระยะทาง 450 เมตรครับ


ระหว่างทางเดินก็เจอบ้านสวยๆครับ มีหิมะทำให้อะไรๆก็ดูสวยขึ้น


เดินมาจะเจอกับสะพานเหล็กแดงๆนี้ครับ ข้างหน้าจะเป็นสี่แยก ให้เลี้ยวขวาไปรอรถที่ป้ายนี้ครับ เดียวนั่งกลับไปที่สถานี Hakodate ก่อน เพราะสถานที่ท่องเที่ยวที่เหลือจะไปอยู่โซนนู้นหมดแล้ว


รอรถที่ป้ายนี้ครับ เนื่องจากว่ามีรถหลายสายทีผ่านสถานี Hakodate ผมก็เลยใช้กูเกิ้ลแมพเหมือนเดิมครับ เพื่อดูว่ารถบัสสายไหนจะมาถึงก่อน จะได้ไปสายนั้น ใครจะเที่ยวตามผมก็ลองทำดูครับ เพราะต่างเวลารถบัสก็จะมาคนละสายครับ


เมื่อมาถึงที่สถานี Hakodate แล้วก็พร้อมเที่ยวต่อโดยจุดหมายต่ออยู่ที่ Bay Area / Kanemori Red Brick Warehouse อาคารอิฐแดงเก่าแก่ของเมือง


วิธีเดินทางไป Bay Area / Kanemori Red Brick Warehouse จากสถานี Hakodate ใช้รถราง City tram จากป้าย Hakodate ekimae ลงที่ป้าย Juujigai จากนั้นเดินอีก 5 นาที


รถรางมาแล้วขึ้นได้เลย วิธีการขึ้นรถรางก็เหมือนรถบัสครับโดยให้ขึ้นทางประตูหลังและลงทางประตูหน้า ตอนขึ้นก็ดึงตั๋วใบเล็กตรงขางขึ้นมาด้วยครับเค้าจะได้รู้ว่าขึ้นจากป้ายไหน ตอนลงก็ใช้ตั๋วใบเล็กๆกับพาสของเรา


บรรยากาศในรถราง โดยเราจะต้องไปลงที่สถานี Juujigai ครับ นับเอาก็ได้ครับป้ายที่ 3 จากที่เราขึ้น สังเกตุง่ายๆป้ายนี้คนจะลงเยอะครับ


ลงแล้วก็ให้ข้ามถนนไปอีกฝั่งนึง


เดินตามลูกศรได้เลยครับ


โกดังอิฐแดงคาเนะโมริ (Kanemori Red Brick Warehouse) เมือง HAKODATE


โกดังอิฐแดงคาเนะโมริตั้งอยู่ในพื้นที่ที่หันหน้าไปทาง Hakodatewan ซึ่งประกอบไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกทางการค้ามากมายเช่น BAY Hakodate ซึ่งมีร้านอาหารและร้านค้ามากมาย Hakodate History Plaza ซึ่งใช้สำหรับการจัดนิทรรศการและห้องจัดแสดงเบียร์ Kanemori Hall ซึ่งใช้สำหรับจัดคอนเสิร์ตและงานแต่งงาน เป็นต้น บางส่วนของที่นี่ก็ยังคงเป็นโกดังสินค้าเหมือนเดิม

ที่นี่จะจัดเทศการคริสต์มาสทุกปีในเดือนธันวาคม ต้นคริสต์มาสขนาดใหญ่ได้ถูกส่งมาจากเมือง Halifax ในประเทศแคนาดา และได้รับการตกแต่งและประดับประดาด้วยไฟต่าง ๆ เป็นสิ่งที่ไม่ควรพลาดชม

พาเที่ยวโกดังอิฐแดงคาเนะโมริ (Kanemori Red Brick Warehouse) เมือง HAKODATE

ผมไปถึงเกือบจะเย็นแล้ว ฟ้าเริ่มสลัวๆ บรรยากาศดูเหงาๆดีจัง อากาศก็หนาวขึ้น

พาเที่ยวโกดังอิฐแดงคาเนะโมริ (Kanemori Red Brick Warehouse) เมือง HAKODATE

ที่ Bay Area จะมีกรุ๊ฟทัวร์มาลงด้วยนะครับ บางช่วงคนจะเยอะหน่อย มีท่าจอดเรือด้วย บรรยากาศชิวดีครับ

พาเที่ยวโกดังอิฐแดงคาเนะโมริ (Kanemori Red Brick Warehouse) เมือง HAKODATE

ด้านในของ โกดังอิฐแดงคาเนะโมริ (Kanemori Red Brick Warehouse) จะมีร้านค้า ขายของที่ระลึก ร้านอาหาร หรือใครหนาวๆก็เข้าไปเดินหลบความหนาวได้เช่นกัน

พาเที่ยวโกดังอิฐแดงคาเนะโมริ (Kanemori Red Brick Warehouse) เมือง HAKODATE

พาเที่ยวโกดังอิฐแดงคาเนะโมริ (Kanemori Red Brick Warehouse) เมือง HAKODATE


ถึงจะเริ่มมืดแล้วแต่ โปรแกรมเที่ยว Hakodate 1 วัน ของผมยังไม่จบนะครับ เดียวจะพาไปชมวิวเมืองมุมสูงกันต่อที่ Mt. Hakodate Ropeway ที่ผมหาข้อมูลส่วนมากเค้าจะเดินไปกันครับ แต่ผมซื้อพาสบัส+ รถรางมาแล้ว ต้องใช้ให้คุ้ม


วิธีการเดินทางของผมก็คือให้เดินมาที่ Hakodate Meijikan ป้ายรถบัสจะอยู่ฝั่งตรงข้าม


รถบัสมาแล้วครับ มีป้ายไปเขียนชัดเจนว่าไป Mt. Hakodate Ropeway นั่งไปลงสุดสายเลยครับ


รถบัสจะมาจอดหน้าทางเข้า Mt. Hakodate Ropeway ไม่ต้องเดินเลย


ค่าเข้าชม: ขึ้นเคเบิ้ลคาร์ ไปกลับ ผู้ใหญ่ 1,280 เยน ,เด็ก 640 เยน


ได้ตั๋วมาแล้วก็ไปต่อคิวขึ้นกระเช้ากันครับ ไปลุ้นว่าข้างบนจะเป็นอย่างไร


ช่วงเย็นๆคนจะเยอะมากครับ ทั้งคนญี่ปุ่น นักท่องเที่ยวที่มาเอง รวมทั้งกรุ๊ฟทัวร์ ก็เลยจะดูแน่นๆหน่อย


มาถึงด้านบนแล้วครับ แต่หมอกค่อนข้างจะหนา มองไม่ค่อยจะเห็นวิวข้างล่างซะเท่าไหร่


ภูเขาฮาโกดาเตะ Mt. Hakodate Ropeway เมือง HAKODATE


ภูเขาฮาโกดาเตะ(Mount Hakodate) สูง 334 เมตร ตั้งอยู่ในป่าทางตอนใต้ของปลายคาบสมุทรใกล้ใจกลางเมืองฮาโกดาเตะ ในวันที่ท้องฟ้าโปร่งทั้งกลางวันและกลางคืน สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ที่งดงาม นับเป็นจุดชมวิวติดอันดัน 1 ใน 3 สถานที่ที่ดีที่สุด ร่วมกับภูเขาอินาซะ(Mount Inasa) ที่นางาซากิ(Nagasaki) และภูเขารอคโค(Mount Rokko) ที่โกเบ(Kobe) บนยอดเขามีจุดชมวิว(เข้าชมฟรี) ร้านกาแฟ ร้านจำหน่ายของที่ระลึก และร้านอาหารสไตล์โรงอาหารเปิดให้บริการ


คนเยอะมากจริงๆครับด้านบน หามุมดีๆถ่ายรูปยากหน่อย


ถ่ายได้ไม่เท่าไหร่หมอกก็มาอีกครั้ง


ที่นี่หละมองไม่เห็นอะไรเลย ฮ่าๆ สงสัยจะต้องหาโอกาสมาแก้มือใหม่


เมื่ออากาศไม่เป็นใจก็เลยตัดสินใจกลับดีกว่าครับ นั่งกระเช้าลงไปด้านล่าง อย่าลืมเก็บตั๋วไว้ด้วยนะครับ ต้องเอาไปแสกนว่าออก


มารอรถป้ายเดิมครับใช้พาสคุ้มเลยวันนี้ ทั้งรถราง ทั้งรถบัส


รถมาแล้วครับ เดียวผมจะนั่งไปลงป้ายสุดท้ายเลย รถจะไปจอดที่สถานี Hakodate ครับ


ถึงแล้วป้ายสุดท้าย ลงกันหมดคัน แต่ยังไม่จบนะครับถึงจะมืดแล้ว มาถึง Hakodate ต้องไม่พลาดชิม Lucky pierrot เบอร์เกอร์ดังประจำเมือง ซึ่งมีหลายสาขา แต่ผมเลือกสาขาใกล้ๆสถานีรถไฟ


จากป้านที่ลงรถเดินมา 300 เมตรครับ


เดินตรงข้ามถนนไปเลยครับ



เจอแยกนี้ให้ข้ามถนนและเดินตามลูกศรไปได้เลย ก็จะเจอกับร้าน Lucky pierrot เบอร์เกอร์ดังประจำเมือง ใครมาเที่ยวก็ควรจะต้องลองชิมครับ

Lucky pierrot เบอร์เกอร์ดังประจำเมือง HAKODATE


Lucky pierrot เบอร์เกอร์ดังประจำเมือง HAKODATE


Lucky pierrot ร้านแฮมเบอเกอร์ชื่อดัง ที่เปิดสาขาทั่วเมือง ไม่ว่าจะไปที่ Motomachi, อาคารอิฐแดง, Goryokaku tower หรือใกล้ๆกับสถานี JR Hakodate จะต้องสะดุดตากับร้านแฮมเบอร์เกอร์ตัวตลก ที่ตกแต่งร้าน Circus Style ไว้ได้น่าสนใจ พร้อมทั้งเมนูที่แปลก น่าลิ้มลองไปซะทุกอย่าง ที่สำคัญราคาไม่แพงด้วย ทำให้ต้องมีคนเข้าคิวยาวตั้งแต่ร้านเปิดกันเลยทีเดียว

เมนูเบอเกอร์เริ่มต้นที่ 350 เยน โดยมีเมนูยอดนิยม 5 อันดับแรกได้แก่

– Chinese Chicken Burger 350 เยน
– Lucky egg Burger 390 เยน
– Tonkatsu Burger 380 เยน
– Teriyaki Burger 330 เยน
– Special Bacon Egg Burger 480 เยน

Lucky pierrot เบอร์เกอร์ดังประจำเมือง HAKODATE

สาขานี้จะไม่ใหญ่เท่าไหร่ครับ มีโต๊ะไม่เยอะ อันดับแรกเราต้องไปสั่งอาหารและจ่ายเงินก่อนครับ แล้วไปนั่งรถที่โต๊ะ เมื่อทำอาหารที่เราสั่งเสร็จแล้วจะเดินมาเสิร์ฟให้ครับ

Lucky pierrot เบอร์เกอร์ดังประจำเมือง HAKODATE

มาแล้วอาหารที่สั่งไปมีเบอร์เกอร์กับไก่ทอดครับ

Lucky pierrot เบอร์เกอร์ดังประจำเมือง HAKODATE

ไก่ทอดอร่อยดีครับน้ำราดจะออกหวานๆหน่อย

Lucky pierrot เบอร์เกอร์ดังประจำเมือง HAKODATE

ส่วนเบอร์เกอร์นี่ไม่ควรพลาดจริงๆครับ อร่อยมาก ไปคราวหน้าต้องไปทานซ้ำอย่างแน่นอน


ใครมาเที่ยวก็อย่าลืมแวะมาทานกันดูนะครับ เดียวจะเหมือนมาไม่ถึง Hakodate ถ้าไม่ได้ทาน Lucky pierrot ฮ่าๆ

วันนี้เป็นอีกวันที่เหนื่อยแต่ก็สนุกดีครับสำหรับการ เที่ยว Hakodate ใน 1 วัน ใครที่กำลังวางแผนหรือหาข้อมูลอยู่ก็สามารถนำไปปรับใช้ได้ครับ อาจจะตัดบางส่วนหรือเพิ่มบางส่วนเข้าไปก็ย่อมได้ครับ การไปเที่ยวด้วยตัวเองมันจะสนุกตรงการหาข้อมูลนี่หละครับ

เดียวรีวิวตอนหน้าผมจะเดินทางไป Sapporo พาเที่ยว Tenguyama Ropeway ชมวิวคลองโอตารุ (Otaru Canal Area) รอติดตามชมได้ครับ

ส่วนใครอยากอ่านรีวิวเที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาวแบบครบถ้วนทุกตอนก็สามารถชมได้ที่ >> https://www.mu-ku-ra.com/2018/02/review-japan-2018.html ครับผมจะอัพเดททุกตอนไว้

ชมรีวิวเที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาวทั้ง 18 ตอนอย่างละเอียด


เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว #01 รีวิววิธีเดินทางจากสุวรรณภูมิด้วย Hong Kong Airlines ต่อเครื่องไปลงนาริตะ

เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว #02 รีวิวโรงแรม Sotetsu Fresa Inn Nihonbashi Kayabacho พร้อมวิธีเดินทาง

เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว #03 พาชิมราเม็งข้อสอบ Ichiran Ramen สาขา Ueno พร้อมวิธีสั่งและวิธีเดินทาง

เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว #04 พาเที่ยวสวนสตรอว์เบอร์รี (Ichigo mura)ตัดแล้วกินสดๆจากต้น พร้อมวิธีเดินทาง

เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว #05 เดินเล่นย่าน Ueno พาชิมมันปูย่างร้าน isomaru suisan สาขาตลาด ameyoko

เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว #06 พาเดินเที่ยว karuizawa outlet มีทุกแบรนด์ช็อปปิ้งพร้อมวิธีเดินทางจากโตเกียว

เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว #07 รีวิวโรงแรม Manza Kogen Hotel แช่ออนเซ็นกลางหิมะ พร้อมวิธีเดินทางอย่างละเอียด

เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว #08 รีวิววิธีเดินทางไป HAKODATE ด้วย JR East-South Hokkaido Rail Pass ไม่ยากเลย

เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว #09 รีวิวโรงแรม Hotel Sharoum-inn 2 ที่พักราคาถูกใกล้สถานี JR HAKODATE

เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว #10 รีวิวพาเที่ยว HAKODATE 1 วัน เก็บครบ ที่เที่ยว ที่กิน พร้อมวิธีเดินทาง

เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว #11 เดินทางไป Sapporo พาเที่ยว Tenguyama Ropeway ชมวิวคลองโอตารุ (Otaru Canal Area)

เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว #12 รีวิวโรงแรม Hotel Sunroute Sapporo ที่พักราคาไม่แพง ใกล้สถานี Jr Sapporo

เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว #13 พาเที่ยว Sapporo 1 วัน เก็บครบ ที่เที่ยว ที่กิน พร้อมวิธีเดินทางอย่างละเอียด

เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว #14 ไปชิมราเมง ที่ตรอกราเมน Ramen Alley Sapporo พร้อมวิธีเดินทาง

เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว #15 รีวิววิธีเดินทางจาก Sapporo ยิงยาวไปสนามบิน Narita ด้วย JR East-South Hokkaido

เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว #16 รีวิวโรงแรม Narita Airport Rest House ที่พักใกล้สนามบิน มีรถรับ-ส่ง สะดวกมากๆ

เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว #17 กลับไทยด้วย Hong Kong Airlines พร้อมวิธีและขั้นตอนต่างๆ ที่สนามบินนาริตะ

เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว #18 พาเที่ยว HongKong 1 วัน ระหว่างรอต่อเครื่องกลับกรุงเทพ พร้อมวิธีเดินทางไปสถานที่ต่างๆ
Advertisements

ไม่มีความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น