มาถึงรีวิวเที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาวตอนสุดท้ายแล้วครับ...รีวิวนี้เหมือนเป็นตอนพิเศษครับ เพราะผมจะพาไปเที่ยวฮ่องกงใน 1 วัน ซึ่งจริงๆแล้วมันก็ใช้เวลาประมาณ 6-7 ชั่วโมงครับ สาเหตุที่มีทริปนี้งอกเพิ่มขึ้นมาก็เนื่องจากผมเดินทางกลับจากญี่ปุ่นด้วยสารการบิน Hong Kong Airlines ซึ่งต้องมารอต่อเครื่องกลับไทยที่ฮ่องกง ซึ่งมีเวลาให้ออกไปเที่ยวได้
สำหรับใครที่ยังไม่ได้ชมรีวิวตอนที่แล้ว ก็สามารถชมได้ที่ >> http://www.mu-ku-ra.com/2018/03/Hong-Kong-Airlines.html ครับ เพื่อความต่อเนื่อง
เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่านในรีวิวนี้
- เข้าเมืองด้วย Airport Express(AE)
- ร้านโจ๊ก Hung Lee ฮ่องกง
- The Peak ฮ่องกง
- The Symphony of Lights
- Argyle Street แหล่งรองเท้ารุ่นใหม่ๆ
- กลับสนามบินด้วย Airport Express(AE)
จากตอนที่แล้วผมบินมาถึงสนามบินฮ่องกง ก็เดินออกมาด้านนอก ผ่านกระบวนการตรวจคนเข้าเมืองปกติ สำหรับคนไทยสามารถเข้าฮ่องกงได้เลยครับไม่ต้องขอวีซ่าครับ
เข้าเมืองด้วย Airport Express(AE)
เมื่อเดินออกมาด้านนอกแล้วอันดับต่อไปก็คือไปซื้อตั๋วต่างๆที่ผมจะใช้ในวันนี้ครับ สำหรับการเดินทางเข้าตัวเมืองจากสนามบินฮ่องกงหลักๆจะมี 2 วิธีครับที่คนนินมกัน ก็คือ
- นั่งรถเมล์สาย 21
- นั่งรถไฟ Airport Express(AE)
ซึ่งทั้ง 2 วิธีนั้นก็จะแตกต่างกันด้วยเรื่องราคา และเวลาที่ใช้ในการเดินทาง
ตัวผมเองนั้นเลือกที่จะนั่ง นั่งรถไฟ Airport Express(AE) ครับ เพราะว่ามีเวลาจำกัดเลยเลือกวิธีเดินทางที่เราสามารถคุมเวลาได้ นั่งรถไฟ Airport Express(AE) จะมีวิ่งทั้งวันครับใช้เวลาประมาณ 20 นาทีเท่านั้นเอง
ถ้าใครมาต่อเครื่องแบบผมแนะนำให้ซื้อตั๋วแบบไป-กลับ Same day return ค่ะ ไปกลับในวันเดียวจะราคา 115$ เท่านั้น วิธีการซื้อก็ไม่ยากครับ กดซื้อจากตู้จำหน่ายอัตโนมัติได้เลยครับ
จากนั้นก็แวะซื้อบัตร Octopus เอาไว้สำหรับใช้ขึ้นรถไฟฟ้า ขึ้นรถเมล์ ขึ้นเรือ หรือซื้อของต่างๆในร้านสะดวกซื้อได้ แนะนำให้ซื้อไว้ครับ เวลาเดินทางไปสถานที่ต่างๆมันจะสะดวกมาก ผมซื้อมา 150$ สามารถใช้เงินในบัตรได้ 100$ ครับ ส่วน 50$ ที่เหลือจะเป็นค่ามัดจำบัตร ตอนที่เรากลับมาสนามบินก็เอาบัตรมาคืนก็จะได้เงินที่เหลือคืนครับ
เมื่อซื้อบัตรต่างๆครบแล้วก็ได้เวลาลุยครับ
ผมเข้าเมืองด้วย AE - Airport Express โดยจะไปลงที่สถานี Hongkong ครับ ใช้เวลาประมาณ 20 นาที
เมื่อมาถึงสถานี Hongkong แล้ว ก็ให้เดินออกมาด้านนอกครับ จากตรงนี้สามาถไปต่อรถไฟได้หลายสายครับ ก็ให้ดูป้ายครับว่าเราจะไปรถไฟสายไหน จากนั้นก็ให้เดินตามป้ายไปได้เลย
สำหรับเส้นทางรถไฟที่ฮ่องกงนั้นก็ใช้ไม่ยากครับ ถ้าเคยไปเที่ยวญี่ปุ่นมาแล้วที่ฮ่องกงนี้ง่ายกว่าเยอะครับ
สายรถไฟใต้ดินที่ฮ่องกงจะมีดังนี้ครับ
Kwun Tong Line
Tsuen Wan Line
Island Line
South Island Line
Tseung Kwan O Line
Tung Chung Line & Disneyland Resort Line
East Rail Line
Ma On Shan Line
West Rail Line
โดยจะสังเกตุได้จากสีครับ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้จาก >> http://www.mtr.com.hk/en/customer/services/system_map.html
ร้านโจ๊ก Hung Lee ฮ่องกง
สำหรับจุดหมายแรกของการออกมา เที่ยวฮ่องกง 1 วัน ของผมก็คือ ร้านโจ๊ก Hung Lee ครับ เห็นคนไทยมาทานกันเยอะเลยกะว่าจะลองไปชิมดู
สำหรับการเดินทางไปยังร้านโจ๊ก Hung Lee ก็ไม่ยากครับ ผมต้องไปขึ้นรถไฟสาย Tsuen Wan Line ไปลงที่สถานี Tsim Sha Tsui
เดินตามป้าย Tsuen Wan Line ไปได้เลยครับ สถานีนี่ค่อนข้างใหญ่อาจจะต้องเดินไกลหน่อยครับ
โดยผมจะขึ้นจากสถานี Central ครับ นั่งสายสีแดง Tsuen Wan Line ไปลงที่สถานี Tsim Sha Tsui
ใช้เวลาไม่นานครับ เนื่องจากว่ามันห่างกันเพียง 2 สถานีเท่านั้น
เมื่อมาถึงสถานี Tsim Sha Tsui แล้วก็ให้เดินไปที่ทางออก B ครับ
แล้วขึ้นมาตรงทางออก B2 ครับผม
ขึ้นมาก็จะเจอกับถนนและร้านค้ามากมาย ให้เดินตรงไปครับ
เดินตรงมาจะเจอกับ 4 แยกจากนั้นให้เลี้ยวไปทางซ้ายมือครับ
เลี้ยวมาแล้วเดินตรงไปครับ ร้านจะอยู่ในซอยแถวๆที่รถตู้จอดครับ แต่ต้องข้ามถนนไปอีกฝั่งนะครับ
ซอยนี้หละครับ ให้เดินเข้าไปได้เลยครับ ร้านโจ๊ก Hung Lee จะอยู่ในซอยนี้
เจอแล้วครับ ร้านโจ๊ก Hung Lee เดินเข้าไปได้เลย
ที่ร้านโจ๊ก Hung Lee สั่งอาหารง่ายมากเลยครับ เพราะว่ามีเมนูภาษาไทยให้ด้วย แถมคนที่รับออเดอร์นั้นพูดไทยได้ด้วย เรียกได้ว่าเหมือนสั่งอาหารที่เมืองไทยเลยครับ
สั่งปาท่องโก๋มาก่อนครับ กรอบดีตัวใหญ่มากๆ
จากนั้นก็เป็นโจ๊กครับ ชามใหญ่มากๆเลย
อีกเมนูที่สั่งก็คือ บะหมี่เกี๊ยวครับ
มื้อแรกที่ฮ่องกงก็จัดเท่านี้ก่อนครับ ส่วนรสชาติอาหารก็อร่อยดีครับ ทานอิ่มแล้วก็ได้เวลาออกเที่ยวต่อครับ เวลามีจำกัดต้องรีบหน่อย ฮ่าๆ
หลังจากที่ออกจากร้านผมก็เดินกลับมาที่สถานี Tsim Sha Tsui เหมือนเดิมครับ
โดยผมนั่งกลับมาลงที่สถานี Central เดียวจะไปเที่ยวต่อที่ The Peak ครับ
เมื่อมาถึงสถานี Central ให้เดินไปที่ทางออก A ครับ
เดินขึ้นมาด้านบนก็จะเจอแบบนี้ครับ จากนั้นให้เดินขึ้นสะพานลอยเพื่อข้ามไปอีกฝั่งของถนนครับ
ฝั่งตรงข้ามก็คือตึก Exchange square ครับ ด้านล่างของตึกจะเป็นป้ายรถเมล์ ซึ่งผมจะต้องไปขึ้นรถสาย 15 ที่นั่นครับ
เดินตามลูกศรไปเลยครับ หาไม่ยาก
รถสาย 15 จอดรถอยู่แล้ว ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาทีนะครับ วิธีการขึ้นรถเมล์ที่ฮ่องกงจะต่างกับที่ญี่ปุ่นนะครับ ที่ฮ่องกงจะต้องขึ้นที่ประตูหน้า และลงที่ประตูหลังครับ ส่วนค่ารถผมก็ใช้บัตร Octopus จ่ายครับ
รถสาย 15 ที่ไป The Peak จะเป็นรถเมล์ 2 ชั้นครับ ใครชอบความตื่นเต้นก็แนะนำให้นั่งชั้นบนแถวหน้าสุดครับ รถจะขับขึ้นเขาไปเรื่อยๆ
ไม่ต้องกลัวลงผิดป้ายเลยครับ เพราะว่า The Peak เป็นป้ายสุดท้าย
ลงรถแล้วก็เดินตามไปเค้ามาเลยครับ
The Peak ฮ่องกง
จุดชมวิว เดอะ พีค – The Peak อยู่ด้านบนของยอดเขา วิคตอเรีย พีค Victoria Peak ซึ่งยอดเขาที่สูงที่สุดในฝั่งของเกาะฮ่องกงโดยมีความสูงจากประมาณ 552 จากระดับน้ำทะเล เป็นที่เที่ยวอันดับหนึ่งที่คนนิยมไปมากที่สุด เพราะเป็นทั้งจุดชมวิวมองเห็นภาพพาโนรามาของเมืองฮ่องกงได้ หรือหากใครอยากจะมาทานดินเนอร์ใน บรรยากาศสุดโรแมนติค ที่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่คนมักจะนึกถึง
ถ้าขึ้นไปชมวิวด้านบนต้องเสียค่าใช้จ่ายครับ ผมไม่ได้ขึ้นไปนะครับ เดียวจะไปเดินชมวิวที่ด้านล่างแทน
ใครไม่อยากเสียเงินขึ้นไปบนจุดชมวิว ให้เดินมาที่ด้านหลังครับ จะมีเหมือนศาลเจ้า ตรงนี้สามารถชมวิวได้ฟรีครับ วิวสวยไม่แพ้ด้านบนเหมือนกัน
วิวสวยมากๆเลยครับ
จะมีป้ายบอกว่าตึกต่างๆที่เราเห็นเป็นตึกอะไร และอยู่ตรงไหนบ้าง
ถ้าใครขึ้นมาชมวิวในตอนกลางคืนก็จะสวยไปอีกแบบครับ ตึกต่างๆจะเปิดไฟพร้อมกัน
แต่ผมมีเวลาจำกัดครับ เดียวจะลงไปชมวิวริมอ่าวด้านล่างต่อ
วิธีการลง ก็ให้นั่งรถเมล์สาย 15 เหมือนเดิมครับ มาขึ้นที่ป้ายเดิมที่เราลง
นั่งมาสุดสายเลยครับ รถจะมาจอดแถวๆท่าเรือครับ
ตึกต่างๆเริ่มเปิดไฟแล้ว รู้สึกถึงความเป็นฮ่องกงมากๆ
เดินมาแถวๆนี้ ตรงที่มีสะพานครับ จะเป็นท่าเรือสำหรับข้ามไปฝั่งเกาลูนครับ
เดียวผมจะนั่งเรือข้ามฝากเพื่อไปชม The Symphony of Lights ครับ
เรือข้ามฝากก็สามรถใช้บัตร Octopus จ่ายได้ครับ
มองเห็นวิวตึกต่างๆของฮ่องกงได้อย่างชัดเจน
ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีครับ ก็มาถึงฝั่งเกาลูน ฝั่งนี้ค่อนข้างจะคึกคักเลยครับ มีนักท่องเที่ยวมาเดินเล่นรอชม The Symphony of Lights กันเยอะมาก
มีกิจกรรมเยอะแยะมากมาย
สำหรับสถานที่ชม Symphony of Lights ที่คนนิยมมาชมกัน
- บริเวณ Avenue of Stars
- หน้า Clock Tower / Hong Kong Museum of Arts ตรงนี้จะมี 2 ชั้น
- นั่งเรือล่องในอ่าวชมโชว์
The Symphony of Lights
ได้ชื่อว่าเป็นการแสดงแสงสีเสียงกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดซึ่งบันทึกโดย Guinness World Records เลยน่ะค่ะ
การแสดงจะประกอบด้วย 44 อาคารชั้นนำที่อยู่ในฝั่งฮ่องกง และฝั่งเกาลูน
การแสดงจะมีการยิงแสง Laser และไฟต่าง ๆ ประกอบเพลง บวกกับเวลาค่ำ ๆ ของฮ่องกง แสงไฟที่กระทบจากน้ำในอ่าวที่มีเรือวิ่งผ่านไปมาเป็นฉากประกอบแบบธรรมชาติ
การแสดงเริ่ม 08:00 น. ตรง ระยะเวลาในการแสดงประมาณ 15 นาที
หลังจากที่ชม The Symphony of Lights เสร็จแล้วผมจะไปเดินเที่ยวดูรองเท้าที่ย่าน Mong Kok ต่อครับ
เดินมาขึ้นรถไฟใต้ดินที่สถานี Tsim Sha Tsui ครับ อยู่ใกล้ๆกับสถานีที่แสดง The Symphony of Lights
นั่งสายสีแดง Tsuen Wan Line ไปครับ
มาลงที่สถานี Mong Kok
จากนั้นให้เดินออกที่ทางออก D ครับ
เดียวจะพาไปเดินดูรองเท้ารุ่นใหม่ๆ ที่เมืองไม่ค่อยมี ที่ถนน Argyle Street ครับ
เดินขึ้นมาก็เจอกับผู้คนมากมาย วันที่ผมไปเป็นวันอาทิตย์ครับ เหมือนว่าเค้าจะปิดถนนให้คนเดินเล่น มีกิจกรรรมการแสดงด้วย
Argyle Street แหล่งรองเท้ารุ่นใหม่ๆ
ใครชอบรองเท้าไม่ควรพลาดเลยครับ มีให้ซื้อทุกยี้ห้อ รุ่นแปลกๆ ใหม่ๆ มีหมดเลย บางรุ่นที่ญี่ปุ่นไม่มีขายแต่ที่ฮ่องกงมี
สวยๆทั้งนั้นเลย
ใครชอบรุ่นแปลกๆ หายากลองมาดูร้านนี้ครับ Search Sneaker Shop
สามารถชมรูปรองเท้าชัดๆได้ที่ https://www.instagram.com/searchsneakershop ของร้านครับ
หลังจากนั้นก็ได้เวลากลับครับหลังจากที่ออก เที่ยวHongKong 1 วัน โดยผมจะนั่งรถไฟกลับไปที่สถานี Central เพื่อที่จะเดินต่อไปขึ้นรถไฟ Airport Express(AE) ที่สถานี Hongkong
กลับสนามบินด้วย Airport Express(AE)
นั่งสายสีแดงเหมือนเดิมครับ
เมื่อถึงสถานี Central ก็ให้เดินตามป้าย Airport Express ครับ จะเป็นทางเดิมตอนขามาจากสนามบิน
ใช้บัตรเดิมเลยครับ ใครที่ออกมาเที่ยวฮ่องกงในวันเดียวแบบผมซื้อตั๋วแบบนี้ก็สะดวกดีครับ ลดราคาจากราคาปกติเยอะเลย
นั่งรถกลับไปที่สนามบินฮ่องกงครับ
มาถึงสนามบินฮ่องกงก็เอาบัตร Octopus ไปแลกคืนครับ จะได้ค่ามัดจำบัตรคืน
จากนั้นก็เข้าไปด้านในได้เลย ไม่ต้องไปเค้าเตอร์เช็คอินแล้ว เนื่องจากว่าเรามาต่อเครื่อง Boarding Pass จะได้มาจากญี่ปุ่นแล้ว เดินเข้าไปรอขึ้นเครื่องด้านในได้เลย
ก็เป็นอันจบทริปเที่ยวญี่ปุ่นอย่างสมบูรณ์ครับ
ถ้าใครถ้าติดตามอ่านอย่างต่อเนื่องก็สามารถกดอ่านได้ตั้งแต่ตอนแรกได้เลยครับผมเอามางไว้ที่้ทายบทความแล้ว
ไว้เจอกันใหม่ทริปกน้าครับผม
ชมรีวิวเที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาวทั้ง 18 ตอนอย่างละเอียด
เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว #01 รีวิววิธีเดินทางจากสุวรรณภูมิด้วย Hong Kong Airlines ต่อเครื่องไปลงนาริตะ
เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว #02 รีวิวโรงแรม Sotetsu Fresa Inn Nihonbashi Kayabacho พร้อมวิธีเดินทาง
เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว #03 พาชิมราเม็งข้อสอบ Ichiran Ramen สาขา Ueno พร้อมวิธีสั่งและวิธีเดินทาง
เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว #04 พาเที่ยวสวนสตรอว์เบอร์รี (Ichigo mura)ตัดแล้วกินสดๆจากต้น พร้อมวิธีเดินทาง
เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว #05 เดินเล่นย่าน Ueno พาชิมมันปูย่างร้าน isomaru suisan สาขาตลาด ameyoko
เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว #06 พาเดินเที่ยว karuizawa outlet มีทุกแบรนด์ช็อปปิ้งพร้อมวิธีเดินทางจากโตเกียว
เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว #07 รีวิวโรงแรม Manza Kogen Hotel แช่ออนเซ็นกลางหิมะ พร้อมวิธีเดินทางอย่างละเอียด
เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว #08 รีวิววิธีเดินทางไป HAKODATE ด้วย JR East-South Hokkaido Rail Pass ไม่ยากเลย
เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว #09 รีวิวโรงแรม Hotel Sharoum-inn 2 ที่พักราคาถูกใกล้สถานี JR HAKODATE
เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว #10 รีวิวพาเที่ยว HAKODATE 1 วัน เก็บครบ ที่เที่ยว ที่กิน พร้อมวิธีเดินทาง
เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว #11 เดินทางไป Sapporo พาเที่ยว Tenguyama Ropeway ชมวิวคลองโอตารุ (Otaru Canal Area)
เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว #12 รีวิวโรงแรม Hotel Sunroute Sapporo ที่พักราคาไม่แพง ใกล้สถานี Jr Sapporo
เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว #13 พาเที่ยว Sapporo 1 วัน เก็บครบ ที่เที่ยว ที่กิน พร้อมวิธีเดินทางอย่างละเอียด
เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว #14 ไปชิมราเมง ที่ตรอกราเมน Ramen Alley Sapporo พร้อมวิธีเดินทาง
เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว #15 รีวิววิธีเดินทางจาก Sapporo ยิงยาวไปสนามบิน Narita ด้วย JR East-South Hokkaido
เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว #16 รีวิวโรงแรม Narita Airport Rest House ที่พักใกล้สนามบิน มีรถรับ-ส่ง สะดวกมากๆ
เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว #17 กลับไทยด้วย Hong Kong Airlines พร้อมวิธีและขั้นตอนต่างๆ ที่สนามบินนาริตะ
เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว #18 พาเที่ยว HongKong 1 วัน ระหว่างรอต่อเครื่องกลับกรุงเทพ พร้อมวิธีเดินทางไปสถานที่ต่างๆ
รีวิวได้ละเอียดมากค่ะ จนอ่านจบแล้วต้องมาคอมเม้นชื่นชมเลย เคยต่อเครื่องที่ฮ่องกงเหมือนกันค่ะ แต่เวลาน้อยและไปคนเดียวด้วยเลยไม่ได้ออกไปไหนค่ะ
ตอบลบคราวหน้าถ้ามีเวลาเยอะๆ จะไปตามรีวิวนะคะ ขอบคุณสำหรับรีวิวดีๆ นะคะ : )