Search

รีวิวพาเที่ยว Kusatsu Onsen ติดอันดับออนเซ็นที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น พร้อมวิธีเดินทางจากโตเกียว

Advertisements


สวัสดีครับ..วันนี้ผมจะพาเพื่อนๆไปเที่ยวกันที่ Kusatsu Onsen (คุซัทสึ ออนเซ็น) เมืองที่ได้ชื่อว่าติดอันดับ 1 ใน 3 ของออนเซ็นที่ดีที่สุดในญี่ปุ่นกันเลยทีเดียว ซึ่งตัวผมเองเห็นรูปภาพของที่นี่มานานแล้ว แต่ก็ไม่มีโอกาสได้มาซักที เพราะคิดว่ามันเดินทางมาลำบากนั่งรถหลายต่อ แต่พอมาจริงๆแล้วมันก็ไม่ได้ยุ่งยากขนาดนั้นเลย ออกจะมาง่ายด้วยซ้ำไป ซึ่งเหมือนเดิมครับผมจะรีวิววิธีเดินทางอย่างละเอียด เรียกได้ว่าเดินตามกันได้เลย

Kusatsu Onsen (คุซัทสึ ออนเซ็น)

ภาพน้ำสีเขียวมรกตพร้อมกับควันที่ลอยขึ้นมา หลายคนคงจะเคยเห็นผ่านตามากันบ้างและสงสัยว่ามันคือที่ไหน แล้วคิดในใจว่าต้องมาเที่ยวที่นี่ให้ได้ซักครั้ง


และสาเหตุที่ทำให้เราคุ้นภาพนี้ก็คือ บนหน้าปกของ  jr tokyo wide pass จะมีรูป Kusatsu Onsen (คุซัทสึ ออนเซ็น) อยู่นั่นเองครับ แสดงว่าสถานที่แห่งนี้เป็นไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดสำหรับคนที่ใช้ tokyo wide pass แต่อย่างว่าครับพาสนี้ใช้ได้เพียง 3 วัน ให้ไปทุกที่ในรูปก็คงจะไม่ทัน ต้องเลือกเอาว่าเราจะไปที่ไหนก่อน

วิธีเดินทางไป Kusatsu Onsen มีกี่แบบ


สำหรับการเดินทางมายัง Kusatsu Onsen ที่นิยมกันจะมี 2 วิธีครับ ก็คือนั่งรถบัสต่อเดียวจากโตเกียว มาลงที่นี่ได้เลย ส่วนอีกวิธีที่นิยมกันสำหรับคนที่มี tokyo wide pass ก็คือนั่งรถไฟ มาต่อรถบัส ส่วนวิธีอื่นๆก็แล้วแต่ความสะดวกของแต่ละคนครับ อาจจะเช่ารถขับมากันเองก็ได้

1 นั่งรถบัสจากโตเกียวมายัง Kusatsu Onsen


ถ้าเลือกวิธีนั่งรถบัสต่อเดียวยาวๆจากโตเกียว จะมีรถของบริษัท highway-buses เจ้าเดียวกับที่เรานั่งไปเที่ยวที่ kawaguchiko โดยรถจะออกจากโตเกียว (ชิบูย่า) ผู้ใหญ่ราคา 3,600 เยน, เด็กราคา 1,800 เยน (ระยะเวลาในการเดินทาง: ประมาณ 4 ชั่วโมง 40 นาที) ดูรายละเอียดเพิ่มเติม https://highway-buses.jp/thai/course/kusatsu.php

2 นั่งรถไฟจากนั้นมาต่อรถบัสเพื่อมายัง Kusatsu Onsen


เป็นวิธีการเดินทางยอดนิมยมครับ เพราะสามารถใช้ TOKYO Wide Pass ได้ โดยเราสามารถเช็ครอบรถไฟได้จากเว็บ hyperdia โดยเลือกต้นทางเป็นสถานี UENO ปลายทางเป็นสถานี NAGANOHARAKUSATSUGUCHI โดยวิธีนี้ก็จะแตกย่อยได้อีก 2 แบบครับ ก็คือ



- จาก UENO นั่งรถไฟ SHINKANSEN มาลงที่สถานี TAKASAKI จากนั้นต่อรถไฟแบบธรรมดาไปลงที่ NAGANOHARAKUSATSUGUCHI แล้วค่อยต่อรถบัสไปยัง Kusatsu Onsen

- นั่งรถไฟ Limited Express ต่อเดียวจากสถานี UENO มาลงที่สถานี NAGANOHARAKUSATSUGUCHI ได้เลยแล้วค่อยมาต่อรถบัสเพื่อไปยัง Kusatsu Onsen วิธีนี้ก็สะดวกดีครับ แต่ข้อเสียคือขบวนที่วิ่งต่อเดียวจะมีน้อยครับ โดยในรีวิวนี้ผมเดินทางแบบต่อเดียวครับ


เกริ่นมาซะยาว...พร้อมแล้วเรามาเริ่มออกเดินทางกันเลยครับ โดยเริ่มต้นที่สถานีรถไฟ JR UENO ครับ


โดยอันดับแรกผมต้องทำการนำกระเป๋าเดินทางขนาด 29 นิ้วใบนี้ฝากไว้ในล็อคเกอร์ซะก่อนครับ ให้ลากไปด้วยคงไม่สะดวกแน่ๆ โดยพกแค่เสื้อผ้าที่จะใช้สำหรับค้างคืนที่ออนเซ็นใส่เป้ไปเท่านั้น จะได้คล่องตัว


ล็อคเกอร์ช่องใหญ่สุดราคา 700 เยนต่อวันครับ ถ้าเราใส่ค้างคืนไว้ตอนมาเอากระเป๋าออกก็แค่ใส่เงินเพิ่มเข้าไปตามจำนวนวันที่ฝากไว้ครับ


บรรยากาศของสถานี UENO ช่วงเที่ยงๆครับ


โดยวันนี้ผมจะนั่งรถไฟต่อเดียวเลย ขบวน LTD. EXP KUSATSU 3 ออกจาก UENO (12:12) ไปถึงที่สถานี NAGANOHARAKUSATSUGUCHI (14:34) ใช้เวลาเดินทาง 142 นาทีครับ เรียกได้ว่านั่งกันยาวๆไปเลย


ทำการจองที่นั่งมาเรียบร้อยแล้วครับใครที่ใช้ TOKYO Wide Pass สามารถซื้อและจองที่นั่งไว้ได้เลยนะครับ วิธีการซื้อและจองที่นั่งผมเคยรีวิวไว้แล้ว อ่านได้ที่ >> www.mu-ku-ra.com/2017/06/tokyowidepass.html


เนื่องจากรถไฟขบวนนี้วิ่งนานพอสมควร แล้วก็ออกเวลาเที่ยงๆ ผมเลยไปเดินหาสเบียงไว้ก่อนครับ รถไฟที่ญี่ปุ่นเราสามารถซื้ออาหาร เครื่องดื่ม ขึ้นไปทานได้นะครับ


ที่สถานี UENO จะมีซุปเปอร์มาเก็ตอยู่ มีของขายเยอะมาก รวมทั้งข้าวกล่องเบนโตะ สามารถเดินเลือกซื้อเพื่อไปทานบนรถไฟได้ครับ ทำออกมาได้น่าทานมากๆ


ผมจัดกล่องนี้ครับ ข้าวหน้าเนื้อ


ส่วนอีกกล่องเป็นอันนี้ครับ


เสบียงพร้อม ตั๋วพร้อม ก็ลุยกันเลยครับ สำหรับคนที่ใช้พาส วิธีการเข้าไปด้านในสถานี เราต้องเข้าช่องที่มีเจ้าหน้าที่ิยู่ครับ จากนั้นก็โชว์พาสให้เจ้าหน้าที่ดู


มาดูรายละเอียดในตั๋วเราครับ เดินทางวันที่ 12 พย 2019
จากสถานี UENO (12:12) ไปสถานี NAGANOHARAKUSATSUGUCHI(14:34)
ขบวน LTD. EXP KUSATSU 3
ตู้หมายเลข 6 ที่นั้งหมายเลข 8-C


จากนั้นเราก็มาดูที่จอครับ ว่าขบวน LTD. EXP KUSATSU 3 ของเราต้องไปขึ้นที่ track หมายเลขอะไร โดยผมจะต้องไปขึ้นรถไฟที่ track No.14 ครับ



Advertisements



มารอที่ track No.14 ได้เลยครับ หาไม่ยากเลย


เช็คอีกซักรอบเพื่อความชัวร์ ว่าถูกขบวนหรือเปล่า


เมื่อใกล้ถึงวลา รถไฟขบวน LTD. EXP KUSATSU 3 ก็เข้ามาจอดครับ


ขึ้นไปนั่งที่ตู้หมายเลข 6 ตามตั๋วเราครับ


รอบนี้คนไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ครับ ทั้งตู้มีแค่คนญี่ปุ่น ยกเว้นผมกับแฟนที่เป็นคนไทย


นั่งประจำตำแหน่งครับ


รถไฟออกตามเวลาครับ หลังจากรถไฟออกก็เริ่มหิว เดียวมาดูกันว่าเบนโตะที่ผมซื้อมาจากสถานี UENO จะรสชาติเป็นยังไงบ้าง


กล่องแรกเป็นข้าวกับของทอดต่างๆ มีแซลมอน กุ้งเทมปุระ ไข่หวาน ปูอัด แล้วก็เครื่องเคียงต่างๆ รสชาติก็โอเคครับ ถ้ากินร้อนๆคงอร่อย แต่ข้าวกล่องแบบนี้มันจะไม่ร้อนครับ แต่ก็พอได้ครับ


อีกกล่องเป็นข้าวหน้าเนื้อ มีสองฝั่งน่าจะเป็นเนื้อคนละแบบครับ ผมไม่แน่ใจเหมือนกัน ฮ่าๆ กล่องนี้ก็อร่อยดีครับ แต่มันไม่ร้อน

หลังจากทานเสร็จแล้วก็ต้องนำไปทิ้งครับ โดยตู้รถไฟจะมีถังขยะให้ทิ้ง


หลังจากนี้ก็หลับๆตื่นๆ หนังท้องตึงหนังตาก็จะปิด ฮ่าๆ


รถไฟโล่งมากๆครับ


นั่งนานๆแบบนี้ไม่ต้องกลัวครับ มีห้องน้ำให้ด้วยบนรถไฟ



รถไฟก็จะวิ่งไปเรื่อยๆครับ จอดตามสถานีต่างๆ และก็มาจอดที่สถานี TAKASAKI ซึ่งเป็นสถานีที่เชื่อมต่อกับรถไฟแบบต่างๆ ทั้งรถไฟ SHINKANSEN หรือ รถไฟ Limited Express

ใครที่จะมา Kusatsu Onsen แบบนั่งรถไฟ 2 ต่อ ก็จะต้องมาต่อรถไฟที่สถานีนี้ครับ โดยนั่ง SHINKANSEN แล้วต่อรถไฟแบบธรรมดาที่สถานีนี้นั่นเอง



ออกจากสถานี TAKASAKI ก็นั่งชมวิวไปเรื่อยๆครับ


แล้วก็มาถึงสถานี NAGANOHARAKUSATSUGUCHI ตรงตามเวลาเป๊ะเลย



หน้าตาของขบวน LTD. EXP KUSATSU 3 ที่ผมนั่งมาครับ ส่วนข้างๆกันก็คือขบวนรถไฟแบบธรรมดาที่จอดทุกป้าย วิ่งระหว่างสถานี NAGANOHARAKUSATSUGUCHI  ไปที่สถานี TAKASAKI ซึ่งหลายๆคนอาจจะต้องมาต่อรถไฟขบวนนี้ครับ ถ้ามาแบบ 2 ต่อ


เดียวเราเดินออกไปด้านนอกเพื่อไปต่อรถบัสกันครับ


ตอนเดินออกก็โชว์พาสเหมือนเดิมครับ


วิธีการไปขึ้นรถบัสก็ไม่ยากครับ เดินไปขึ้นที่หน้าสถานี NAGANOHARAKUSATSUGUCHI มีรถแบบเดียวครับ จอดรออยู่แล้ว


เป็นรถบัสของ JR Bus Kanto รถสีน้ำเงินครับ ค่าโดยสาร 710 เยน ถ้าใครใช้พาสใบใหญ่ jr all pass จะขึ้นฟรีครับ


รถบัสจะจอดรอตามรอบของรถไฟอยู่แล้วครับ


ตรงไหนว่างก็นั่งได้เลย ไม่ได้ระบุที่นั่ง เดียวเราจะต้องนั่งไปอีกประมาณ 20 นาทีได้ครับ



นั่งชมวิวบนรถต่ออีกนิดครับ เกือบจะถึงแล้ว ฮ่าๆ


ค่ารถเราจ่ายตอนลงนะครับ หยอดลงตรงกล่องข้างๆคนขับ ราคา 710 เยนต่อคน


ในที่สุดก็มาถึงแล้วครับ Kusatsu Onsen


อันนี้เป็นตารางเวลารถบัสที่จะไปยังสถานี NAGANOHARAKUSATSUGUCHI ครับ ช่องแรกคือเวลารถออก ช่องที่สองคือเวลารถไฟออก


Advertisements


ยกตัวอย่าง ถ้าเราจะไปนั่งรถไฟรอบ 10.08 น. ก็จะต้องมาขึ้นรถบัสรอบ 9.25 น. ครับ มันจะพอดีกัน ใครจะกลับรอบไหนก็ดูเวลากันดีๆนะครับ


สำหรับใครที่ต้องการนั่งรถไฟต่อเดียวแบบผม แนะนำว่าควรจะต้องค้างที่นี่ซักคืนนะครับ เพราะว่ากว่าจะมาถึงก็บ่ายสามโมงเข้าไปแล้ว ยิ่งหน้าหนาวแบบนี้จะมืดไวมากๆ


คืนนี้ผมพักที่ โรงแรมฮะนะอิงเงง (Hanaingen) เป็นโรงแรมเล็กๆน่ารักๆ คะแนนรีวิวดีมากๆ เลยจะมาลองพักดู วิธีการไปโรงแรมก็ไม่ยากครับ เดินข้ามถนนมาจะมีซอยเล็กๆ ให้เดินเข้าไปเลยครับ ด้านซ้ายของรูปบนครับ


มันจะเป็นทางเดินลงเนินไปแบบนี้


ลงมาแปปเดียวก็จะเอจอาคารสีดำ จากนั้นให้เลี้ยวขวาก็จะถึงโรงแรมแล้วครับ หาง่ายมากๆ ใช้เวลาเดินมาจากสถานีรถบัสประมาณ 2-3 นาทีเท่านั้นเอง


ถึงแล้วครับโรงแรมฮะนะอิงเงง (Hanaingen) ที่ผมจะพักคืนนี้ ส่วนรีวิวโรงแรมนี้เดียวผมจะแยกเขียนเป็นอีกตอนครับ จะได้ลงรายละเอียดได้เยอะๆ เป็นโรงแรมที่น่ารักมากๆ มีออนเซ็นส่วนตัวให้แช่ด้วย

อ่านรีวิวโรงแรมได้ที่ >> www.mu-ku-ra.com/2019/11/hanaingen-kusatsu-onsen.html


ทำการเช็คอิน ต้องเสียภาษีเพิ่มคนละ 350 เยนด้วยนะครับ ทุกโรงแรมที่ Kusatsu Onsen จะเป็นแบบนี้หมด เหมือนเป็นภาษีสำหรับการแช่ออนเซ็นของที่นี่ครับ


มีเวลคัมดริ้งเป็นเซ็ตชาเขียวและขนมท้องถิ่น


จากนั้นผมก็เอากระเป๋าขึ้นไปเก็บบนห้องพัก แล้วก็ออกมาเดินเที่ยวกันต่อเลย เพราะอย่างที่บอกว่าหน้าหนาวจะมืดไวมากๆ ถ้าช้าแสงหมดแน่ๆครับ


ออกมาจากโรงแรมให้เดินลงเนินไปทางซ้ายก็จะเจอกับ ยุบาทาเคะ (Yubatake) แลนมาร์คของ Kusatsu Onsen เลยครับ


kusatsu onsen เป็นเมืองอนเซ็นขนาดใหญ่ ที่ผู้ที่ชื่นชอบการแช่อนเซ็นยากจะห้ามใจได้ ตลอดเวลาราว 600 ปีที่ผ่านมา เหล่าซามูไรและบุคคลผู้มีชื่อเสียงจำนวนมากต่างพากันเดินทางมาที่คุซัทสึแห่งนี้ เพื่อปลอบประโลมร่างกายจากบาดแผลและความเหนื่อยล้า ที่นี่เต็มไปด้วยสถานที่ๆ คุณจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมอนเซ็นมากมาย เช่น บ่ออนเซ็นยุบาทาเกะ (Yubatake) ที่ปล่อยไอร้อนพวยพุ่งอยู่ใจกลางเมือง การร่ายรำและทำยุโมมิ (Yumomi) หรือการกวนน้ำด้วยแผ่นไม้เพื่อลดอุณหภูมิน้ำให้เย็นลง



ยุบาทาเคะ (Yubatake)


ยุบาทาเคะ (Yubatake) ถือเป็นจุดแลนด์มาร์คของบ่อน้ำพุร้อนคุซัทสึ (Kusatsu Onsen) ตั้งอยู่ใจกลางแหล่งของบ่อน้ำพุร้อน มีลักษณะคล้ายบ่อออนเซ็นขนาดใหญ่ ทำหน้าที่เสมือนฝายที่ค่อยๆ ลดทอนอุณหภูมิความร้อนของน้ำแร่ให้อยู่ในสภาวะที่เหมาะแก่การใช้ในชีวิตประจำวัน


เนื่องจากบางเวลา น้ำแร่ที่ไหลมาอาจจะมีอุณหภูมิสูงถึงเก้าสิบกว่าองศาทีเดียว เมื่อได้อุณหภูมิที่เหมาะสมแล้ว น้ำแร่จะเดินทางผ่านท่อที่มีการวางระบบไว้ เพื่อลำเลียงไปยังบ้านเรือนและเรียวกังต่างๆ


สำหรับใครที่มาเที่ยวแบบเช้าเย็นกลับ ไม่มีโอกาสแช่ออนเซ็นเต็มรูปแบบ ที่รอบๆ Yubatake ก็จะมีจุดให้นั่งแช่เท้าแช่ออนเซ็นได้ครับ แต่คนจะเยอะหน่อย ต้องรอคิวให้ว่าง


ด้านหลังนู้น ที่เดินขึ้นไปด้านบนจะเป็นวัดเล็กๆครับ สามารถเดินขั้นไปได้


Kusatsu Onsen ซึ่งเป็นเมืองที่ติดอันดับ 1 ใน 3 แหล่งอนเซ็นที่มีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่น และมีปริมาณน้ำแร่ธรรมชาติผุดขึ้นมามากที่สุดในประเทศ (มากกว่า 32,300 ลิตรต่อนาที) น้ำแร่มีฤทธิ์เป็นกรด อุณหภูมิที่บ่อต้นน้ำแร่สูงถึง 51-94 องศา มีสรรพคุณในการรักษาโรคและฆ่าเชื้อที่ดีเยี่ยม


ซึ่งสัญลักษณ์ที่ผู้คนจำได้ติดตาเมื่อเอ่ยถึงอนเซ็ฯแห่งนี้ก็คือ 'ยุบะทะเกะ' (Yubstake) รางน้ำแร่ขนาดใหญ่ที่มีไอน้ำร้อนสีขาวขุ่นลอยขึ้นปกคลุมไปทั่ว


ถ้าใครมาครั้งแรกแบบผม แล้วไปดมควันที่ลอยขึ้นมาอาจะมึนได้นะครับ เพราะมันเป็นกลิ่นของกำมะถัน จะเรียกว่าเหม็นก็คงจะไม่ผิด ฮ่าๆ แต่ถ้าไปสักพักก็จะชินไปเองครับ




ด้านบนจะมีวัด Kosenyochien ซึ่งเป็นวัดขนาดเล็ก จะต้องเดินขึ้นบันไดไปบนยอดเนินซึ่งไม่ชันมากนัก ด้านบนเป็นบริเวณลานวัดเล็กๆ มีระฆังให้นักท่องเที่ยวตีอธิษฐานขอพรอยู่หนึ่งใบ โดยด้านข้างจะมีศาลเจ้าเล็กๆ



มองย้อนลงมายัง ยุบาทาเคะ (Yubatake) เริ่มจะเปิดไฟแล้วสำหรับใครมาเที่ยวที่ Kusatsu Onsen ยังมีสถานที่ ที่น่าสนใจอีกนะครับ แต่ผมเองพลาดไม่ได้ไป

พิธีกวนน้ำ ยุโมมิ (Yumomi)


เป็นวิธีการปรับระดับอุณหภูมิของน้ำให้อยู่ในระดับที่อุ่นพอจะใช้ได้ในชีวิตประจำวัน เนื่องจากน้ำร้อนที่ไหลเรื่อยมาจากใต้พื้นดินจะมีอุณหภูมิสูงมากจนไม่สามารถใช้ได้ ชาวเมืองนี้จึงใช้ภูมิปัญญาและแรงงานคนเพื่อปรับลดอุณหภูมิของน้ำ แม้ในปัจจุบันนี้ จะมีวิวัฒนาการที่ดีกว่าการใช้แรงงานแล้ว แต่ก็ยังคงมีการนำภูมิปัญญาชาวบ้านแบบโบราณนี้มาจัดแสดงให้ผู้สนใจได้ชมเป็นรอบๆ รอบละประมาณ 10 – 15 นาที

โดยจะจัดแสดงทั้งหมด 6 รอบต่อวัน คือ 9.30 น. / 10.00 น. / 10.30 น. / 15.30 น. / 16.00 น และ 16.30 น. เสียค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 600 เยน เด็ก 300 เยน

SAINOKAWARA PARK


“Sainokawara Park” เป็นสวนกลางหุบเขาในเมืองคุซัทสึ มีบ่อออนเซ็นสาธารณะกลางแจ้งขนาดใหญ่ และยังมีบ่อให้แช่เท้าฟรีๆอีกด้วย


เดินเล่นไม่นานก็เริ่มมืดแล้วครับ


พอเริ่มเปิดไฟ มีแสง สี เพิ่มเข้ามา ทำให้บริเวณนี้ ดูสวยขึ้นไปอีก


ผมเดินหาร้านอาหารเพื่อทานมื้อค่ำ อาจเป็นเพราะไม่ได้ทำการบ้านมา ทำให้หาร้านอาหารไม่เจอครับ ฮ่าๆ เลยต้องทานร้านที่เดินผ่าน ซึ่งก็คืนร้านที่ชั้น 2 ของรูปด้านบนครับ เห็นมีรูปราเมงติดอยู่ก็เลยลองเดินไปลองดู


อากาศหนาวๆได้ราเมงร้อนๆมาซดน้ำเยี่ยมเลยครับ รสชาติก็อร่อยๆ ได้เยอะด้วย


หลังจากนั้นผมก็เดินกลับมาที่โรงแรมครับ เตรียมมาแช่ออนเซ็นแบบส่วนตัว ซึ่งที่โรงแรมฮะนะอิงเงง (Hanaingen) จะมีห้องอาบน้ำ 4 ห้องครับ แต่ละห้องจะมีบ่อออนเซ็นเล็กๆให้เราแช่ได้


บ่อออนเซ็นก็จะประมาณนี้ครับ โดยเราต้องอาบน้ำ ชำระล้างร่างกายก่อนลงไปแช่


ห้องนี่บ่อเป็นรูปหัวใจเลย สำหรับโรงแรมฮะนะอิงเงง (Hanaingen) เป็นโรงแรมที่น่ารักมากๆ เดียวผมจะเขียนรีวิวแบบจัดเต็มแยกออกมาให้ได้อ่านกัน

หลังจากแช่ออนเซ็นเสร็จก็ได้เวลาเข้านอนครับเดียวพรุ่งนี้ตื่นมาลุยกันต่อ


ชมรีวิวนี้ในรูปแบบวิดีโอเพื่อที่จะได้เห็นภาพการเดินทางมากขึ้น

ชมรีวิวเที่ยว kusatsu onsen ทั้งหมด 3 ตอนได้ที่


วิธีเดินทางจากโตเกียวไป Kusatsu Onsen ด้วย tokyo wide pass : คลิกเพื่ออ่านรีวิว

รีวิว Hanaingen ที่พักน่ารักๆที่ Kusatsu Onsen มีออนเซ็นส่วนตัว : คลิกเพื่ออ่านรีวิว

วิธีเดินทางจาก Kusatsu Onsen แวะเที่ยว karuizawa ก่อนกลับโตเกียว : คลิกเพื่ออ่านรีวิว


Advertisements

ไม่มีความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น