สวัสดีครับ...วันนี้จะพาขึ้นเหนือไปเที่ยวกันที่จังหวัดน่านครับ ซึ่งเป็นการมาเที่ยวครั้งแรกของผมเลยครับ ใครที่มีเวลาน้อยๆหรือลางานไม่ได้ก็สามารถจัดทริปแบบผมได้ครับกับทริป เที่ยวน่าน 2 วัน 1 คืน ไปวันเสาร์กลับวันอาทิตย์ ไม่ต้องลางานเลย
สำหรับการเดินทางมาที่จังหวัดน่านก็สามารถมาได้หลายวิธีครับไม่ว่าจะเป็น รถทัวร์ รถส่วนตัว เครื่องบิน ทริปนี้ผมมีเวลาน้อยถึงเลยวิธีเดินทางด้วยเครื่องบินครับ โดยจองโปรโมชั่นของแอร์เอเชีย ทำให้ได้ราคาตั๋วเครื่องบินไป-กลับ ราคาเพียง 600 กว่าบาทเท่านั้นครับ
พร้อมแล้วเราออกไปเที่ยวน่านกันดีกว่าครับ กับทริปเที่ยวน่าน 2 วัน 1 คืน
อ่านหัวข้อที่ต้องการ
- ร้านดอยกว่าง Atlasnan Coffee น่าน
- กาแฟบ้านไทลื้อน่าน
- ตูบนาโฮมสเตย์ อำเภอปัว น่าน
- วัดภูมินทร์ จิตรกรรมฝาผนังกระซิบรัก
- วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร น่าน
- พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน
- ชมซุ้มอุโมงค์ลีลาวดี
- วัดพระธาตุเขาน้อย น่าน
- วัดพระธาตแช่แห้ง
ผมเดินทางวันเสาร์ที่ 28 เมษายน ที่ผ่านมาครับ ไฟลท์ FD 3552 ออกจากดอนเมืองเวลา 11:40 และไปถึงสนามบินน่านนครเวลาประมาณ 12:55 ครับ
ผมมาถึงสนามบินประมาณ 10.00 น. ครับ จัดการโหลดกระเป๋าและรับบอร์ดดิ้งพาส
วันที่ออกเดินทางที่ดอนเมืองฝนตกหนักเลยครับ มาลุ้นกันว่าที่น่านฝนจะตกมั้ย
ใช้เวลาบินมาประมาณ 1 ชั่วโมงก็มาถึงสนามบินน่านนครครับ โชคดีฝนไม่ตก ทำให้ทริปที่แพลนไว้ไม่ล่ม สามารถเที่ยวได้ตามที่วางแผนมาได้
ผู้โดยสารวันนี้เต็มลำเลยครับ
สนามบินน่านก็ขนาดไม่ใหญ่ครับ ต้องเดินเข้าไปในอาคารผู้โดยสารเอง
หลังจากที่รอรับกระเป๋าแล้ว ก็เดินออกมาด้านนอกครับ เป็นสนามบินที่เล็กแต่ก็ดูสวยงามดีครับ
มีเค้าเตอร์ต่างๆทั้ง รถเช่า รถแท็กซี่ จะไปที่ไหนก็เดินมาสอบถามกันได้ครับ
ส่วนตัวผมเองใช้วิธีเช่ารถขับเองครับ ซึ่งเป็นวิธีที่สะดวกดีครับ สามารถขับไปเที่ยวนอกเมืองได้ โดยผมซื้อวอยเชอร์ของ Avis มาครับ ราคาประมาณ 600 กว่าบาท ใช้วันเสาร์ซึ่งเป็นวันหยุดจ่ายเพิ่ม 250 บาทครับ
ใครที่มาเที่ยวกัน 3-4 คน วิธีเช่ารถก็เป็นวิธีที่สะดวกและประหยัดดีครับ หารกันตกคนละ 300 กว่าบาทเท่านั้น เอกสารที่ใช้รับรถก็มี ใบขับขี่ บัตรประชาชน บัครเคดิต และวอยเชอร์ครับ
กรอกเอกสารการเช่ารถเสร็จแล้วก็เดินไปรับรถที่ด้านหน้าสนามบินครับ
บริเวณหน้าสนามบินน่าน มีจักรยานให้ยืมด้วยครับ ใครเที่ยวเฉพาะในตัวเมืองก็มายืมขี่กันได้ครับ
มีรถสองแถวมาจอดรอผู้โดยสารด้วย สะดวกมากๆเลย
นี่คือรถที่ผมจะใช้เที่ยวน่าน 2 วัน 1 คืน เป็นรถรุ่น 1,500 cc รอบนี้ได้เป็นนิวโตโยต้าวิออส
เมื่อได้รถแล้วก็พร้อมลุยแล้วครับ ซึ่งผมจะออกไปเที่ยวที่นอกเมืองก่อนครับแล้ววันพรุ่งนี้ค่อยกลับมาเที่ยวต่อในเมือง ซึ่งกว่าจะออกจากสนามบินเวลาก็ประมาณ 14.00 น. แล้วครับ โดยผมตั้งใจว่าจะไปเที่ยวกันที่อำเภอบ่อเกลือก่อน โดยใช้กูเกิ้ลแมพนำทางไปครับ
ทางก็จะขับไม่ยากครับ มีขึ้นเขา ลงเขาแต่ก็ไม่ได้ชันมากครับ
แต่เนื่องจากว่าผมมาถึงบ่ายแก่ๆแล้ว ดูเวลาคงจะไปดูบ่อเกลือสินเธาว์และกลับมาที่พักไม่ทัน ผมเลยเลือกที่จะตัดบ่อเกลือสินเธาว์ออกไปครับ ไว้มีโอกาสค่อยกลับมาใหม่ โดยผมย้อนกลับไปที่อำเภอปัวครับ ซึ่งคืนนี้ผมจะไปนอนที่นั่น
ที่เที่ยวน่าน 01 : ดอยกว่าง Atlasnan Coffee จุดชมวิว 360 องศา
หลังจากที่พลาดไปบ่อเกลือสินเธาว์ ขากลับออกมาผมก็มาแวะพักทานน้ำทานกาแฟกันที่ร้านนี้ครับ ดอยกว่าง Atlasnan Coffee เป็นร้านกาแฟที่อยู่บนเขา วิวสวยมากครับ
ผมรู้จักร้านด้วยความบังเอิญครับ ขับผ่านแล้วดูน่าสนใจก็เลยลองแวะเข้าไปดูครับ
เป็นร้านกาแฟเล็กๆอยู่บนเขา
บรรยากาศภายในร้านดอยกว่าง Atlasnan Coffee มีชา กาแฟ เครื่องดื่ม ขนม จำหน่ายครับใครที่ขับรถไปเที่ยวที่บ่อเหลือก็ลองแวะมาทานกันได้ครับ เพราะเป็นทางผ่านอยู่แล้ว
วิวสวยจริงๆครับ
ที่ดอยกว่าง Atlasnan Coffee นอกจากจะขายกาแฟแล้ว ด้านหลังยังทำเป็นโฮมสเตย์ด้วยครับ มีอยู่ 3-4 หลัง วิวสุดยอดเลยครับ มองเห็นภูเขาแบบ 360 องศาเลย
หลังจากนั่งพักดื่มกาแฟแล้ว ก็เดินทางต่อครับ โดยผมจะมุ่งหน้าสู่อำเภอปัว จังหวัดน่านครับ
ที่เที่ยวน่าน 02 : กาแฟบ้านไทลื้อ
จากร้านกาแฟดอยกว่าง ผมจะแวะไปเที่ยวที่กาแฟบ้านไทลื้อก่อนครับ ระยะทางประมาณ 26 กิโลเมตรครับ เหมือนเดิมครับ ผมใช้แอพกูเกิ้มแมพนำทางมา สะดวกดี
กาแฟบ้านไทลื้อ ตั้งอยู่บนถนนหมายเลข 1081 ( ปัว-บ่อเกลือ ) ต.ศิลาแลง อ.ปัว จ.น่าน
การเดินทางมากาแฟบ้านไทลื้อมี 2 เส้นทาง
เส้นทางแรก จากน่าน-ท่าวังผา-ปัว ตามทางหลวง 101 (1080เดิม ) ระยะทางประมาณ 60 กม. ยูเทิร์นเกาะกลางเข้าอำเภอปัว ใช้ทางหลวงแผ่นดิน 1081 ปัว-น้ำยาว ประมาณ 5 กม. ร้านตั้งอยู่ซ้ายมือ ติดถนนสายหลัก
เส้นทางที่สอง จากตัวเมืองน่านไปอำเภอภูเพียงผ่านอำเภอสันติสุข ตามทางหลวงแผ่นดิน 1169 ระยะทาง 30 กม.ถึงอำเภอสันติสุข เลี้ยวซ้ายมือไปตามทาง 10 กม.ถึงสามแยกตำบลอวน เลี้ยวซ้ายมือ ใช้ทางหลวงแผ่นดิน ปัว-น้ำยาว 1081 ประมาณ 18 กม. ถึงตำบลศิลาแลง ร้านตั้งอยู่ขวามือ ติดถนนสายหลัก
บริเวณด้านหน้าซึ่งติดกับถนนจะเป็นที่จอดรถครับ สามารถจอดได้เยอะเลย ขนาดผมไปวันเสาร์ซึ่งเป็นวันหยุดก็มีที่จอดรถเพียงพอครับ
ด้านหน้าสุดจะเป็นร้านขายผ้าครับ ชื่อว่าร้านลำดวนผ้าทอ อำเภอปัว จังหวัดน่าน มีผ้าให้เลือกเยอะมากครับไม่ว่าจะเป็นผ้าทอไทลื้อ ผ้าทอน้ำไหล ลายโบราณ ราคาก็ไม่แพงด้วย
ร้านลำดวนผ้าทอ ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ จะเป็นผ้าทอเมืองน่าน, ผ้าไทลื้อ, ผ้าทอพื้นเมือง, ชุดเสื้อผ้าสำเร็จรูปสไตล์พื้นเมือง และของฝาก ของที่ระลึก ในราคาย่อมเยา มีป้ายบอกราคากำกับไว้ชัดเจน เดินเลือกซื้อเลือกหากันได้ทั้งวัน
จากร้านเสื้อผ้าพื้นเมืองธรรมดา มีเพียงอาคารหลักหลังเดียว ขยับขยายเป็นร้านเสื้อผ้าใหญ่โต เป็นที่รู้จักขึ้นหน้าขึ้นตาของอำเภอปัวและจังหวัดน่าน
ถ้าใครหิว ตรงนี้จะมีร้านข้าวซอยบ้านไทลื้ออยู่ครับ สามารถมาทานได้ครับ
ร้านกาแฟไทลื้อ ตั้งอยู่ด้านข้างๆ ร้าน เป็นซุ้มไม้ ตกแต่งสไตล์ไทลื้อ 2 ซุ้ม ตั้งอยู้ทั้งทางด้านซ้ายและขวา จากลานจอดรถ แค่ลงรถ และตรงไปที่ร้านได้เลย มีสะพานไม้ยาว เชื่อมต่อกับร้านลำดวนผ้าทอ วนไปยังซุ้มกาแฟ ที่นั่งเล่น เห็นวิวดอยภูคา และท้องนาใกล้เคียง โดยเฉพาะหน้าหนาว ดอกไม้กำลังเบ่งบานสวยงามมากครับ
ช่วงที่ผมไปเป็นหน้าร้อนครับ เลยไม่มีต้นข้าว แต่ก็จะมีดอกไม้สวยๆแทนครับ
ส่วนของร้านกาแฟ สั่งเครื่องดื่มแล้วสามารถมานอนทานตรงนี้ได้เลย สบายๆเลย
เครื่องดื่มก็ราคาไม่แพงครับ กาแฟเข้มข้นมากๆ นั่งทานกาแฟไปชมวิวไป
ที่กาแฟบ้านไทลื้อ เค้าจะทำซุ้มแบบนี้ไว้ให้เราสามารถมานั่งเล่นนอนเล่นได้ครับ
ถึงช่วงนี้จะไม่ใช่ช่วงปลูกข้าว แต่ก็มีดอกไม้สวยๆให้ถ่ายรูปแทนได้
ตลอดทางเดินจะมีผ้าสวยๆมาตากไว้ด้วย
ใครที่มาเที่ยวจังหวัดน่านก็ลองแวะมาเที่ยวกันได้ครับ สำหรับร้านกาแฟบ้านไทลื้อ อำเภอปัว จังหวัดน่าน มาที่เดียวครบเลย ทั้งที่พัก ของฝาก ร้านกาแฟ แนะนำให้มาเที่ยวช่วงที่เค้าปลูกข้าวครับ จะสวยงามมากๆครับ
ที่เที่ยวน่าน 03 : ตูบนาโฮมสเตย์ อำเภอปัว
มาเที่ยวน่านควรจะนอนโฮมสเตย์ซัก 1 คืนครับ โดยคืนนี้ผมเลือกเข้าพักที่ตูบนาโฮมสเตย์ อำเภอปัว เห็นจากรีวิวแล้วชอบมากครับ ห้องพักธรรมชาติวิวทุ่งนาและภูเขา
จากร้านกาแฟบ้านไทลื้อมาที่ตูบนาโฮมสเตย์ก็ไม่ไกลกันครับ
ขับรถมาประมาณ 15 นาทีครับ ระยะทาง 10 กิโลเมตรได้
ถนนก็ขับไม่ยากครับ
ผมเข้าพักที่ห้องชมดอยครับ เป็นกระท่อมสามารถขับรถมาจอดได้เลย สะดวกดีเหมือนกัน
ผมจองห้องชมดอย (ตูบน่าน) ครับซึ่งเป็นกระท่อมหลังสุดท้ายราคาคืนละ 1,600 บาทครับ
บรรยากาศดีมากเลย เหมาะกับวันพักผ่อน ห้องพักโซนตูบน่าน เป็นกระท่อมทั้งหมด 4 หลังครับ
ที่ตูบนาโฮมสเตย์ อำเภอปัว จังหวัดน่าน มีมุมสวยๆให้ถ่ายรูปเยอะมากครับ ตรงนี้จะมีสวนดอกไม้ วิวด้านหลังจะเป็นภูเขา
มองดูวิวแล้วสดชื่นดีเหลือเกิน ทางเดินไม้ที่ทอดยาวไปยังทุ่งนา
เดินเล่นถ่ายรูปจนเริ่มเย็น ทางตูบนาโฮมสเตย์ก็ได้เตรียมอาหารค่ำให้ทานครับ โดยจะเสิร์ฟเป็นขันโตกครับ อาหารส่วนใหญ่จะเป็นอาหารเหนือครับ
สำหรับอาหารค่ำนั้นสามารถเลือกได้ว่าจะรับหรือไม่รับครับ โดยสามารถแจ้งตอนทำการจองห้องพัก โดยจะคิดเพิ่มคนละ 200 บาทครับ
นั่งทานหน้าห้องพักได้บรรยากาศมากๆ
สำหรับภายในห้องพักของตูบนาโฮมสเตย์ ก็สะดวกสบายดีครับ มีสิ่งอำนวยความสะดวกเหมือนโรงแรมทั่วไป เตียงนอนสะอาดและนุ่มมากเลย
ทานเสร็จก็ค่ำพอดีครับ ตามทางเดินก็จะเริ่มเปิดไฟ บรรยากาศก็จะสวยไปอีกแบบครับ
วันที่ผมเข้าพักเป็นคืนวันเสาร์ครับ ที่พักจะเต็มหมดทุกห้อง เนื่องจากว่ามีเพียง 8 ห้องเท่านั้น ใครจะมาพักช่วงวันหยุดก็ควรที่จะต้องจองล่วงหน้ามาครับ
สามารถชมรีวิวตูบนาโฮมสเตย์ อย่างละเอียดพร้อมวิธีจองได้ที่ https://www.mu-ku-ra.com/2018/04/Toob-Na-Homestay.htmlครับผมทำรีวิวแยกไว้เพราะรูปเยอะจริงๆครับ
หลังจากนอนที่ตูบนาโฮมสเตย์ 1 คืน ก็ตื่นมาในเช้าวันใหม่ ทานอาหารเช้าเสร็จแล้วก็ทำการเช็คเอาท์ แล้วก็ขับรถเข้าไปเที่ยวที่ตัวเมืองน่านกันต่อครับ
ที่เที่ยวน่าน 04 : วัดภูมินทร์ จิตรกรรมฝาผนังกระซิบรัก ปูม่าน ย่าม่าน
จากตูบนาผมก็ขับรถกลับเข้าเมืองครับ โดยใช้กูเกิลแมพนำทางมาเหมือนเดิม
ระยะทางประมาณ 67 กิโลเมตร ใช้เวลาขับ 1 ชั่วโมงครึ่งได้ครับ
ใครมาเที่ยวน่านก็คงจะไม่พลาดที่จะต้องแวะมาเที่ยวกันที่วัดภูมินทร์ ซึ่งมีชื่อเสียงเรื่องจิตรกรรมฝาผนังตำนานกระซิบรักก้องโลก ปูม่าน ย่าม่าน ซึ่งรูปนี้เหมือนเป็นสัญลักณ์ของจังหวัดไปแล้วด้วย
ประวัติ วัดภูมินทร์ จังหวัดน่าน
วัดภูมินทร์ เดิมชื่อ “วัดพรหมมินทร์” เป็นวัดหลวง ตั้งอยู่ในเขตพระนครดังปรากฏชื่อ ตำบลในเวียงในปัจจุบัน เจ้าเจตบุตรพรหมมินทร์ สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2139 ต่อมาอีกประมาณ 300 ปี มีการบูรณะครั้งใหญ่ ในสมัยเจ้าอนันตวรฤทธิ์เดช เมื่อ พ.ศ.2410 (ปลายสมัยรัชกาลที่ 4) ใช้เวลาซ่อมแซมนานถึง 7 ปี วัดภูมินทร์มีลักษณะแปลกกว่าวัดอื่น ๆ คือ โบสถ์และวิหาร สร้างเป็นอาคารหลังเดียวกัน ประตูไม้ทั่งสี่ทิศ แกะสลักลวดลายงดงามโดยฝีมือช่างเมืองน่าน
นอกจากนี้ฝาผนังแสดงถึงชีวิตและวัฒนธรรมของยุดสมัยที่ผ่านมาความสวยแปลกของวัดภูมินทร์ คือ เป็นพระอุโบสถและพระวิหารสร้างเป็นอาคารหลังเดียวกัน เป็นทรงจัตุรมุข สถาปัตยกรรมอันโดดเด่นด้วยเอกลักษณ์เฉพาะ ที่รวมเอาโบสถ์ วิหาร และเจดีย์ ไว้ในอาคารเดียวกัน ในลักษณะการจำลองแผนภูมิจักรวาลตามความเชื่อแห่งพุทธศาสนา โดยมีพระประธานจตุรทิศปางมารวิชัย 4 องค์ หันหน้าออกสู่ประตูทั้ง 4 ทิศ ประดิษฐ์ฐานอยู่ภายใน และมีนาคสะดุ้งขนาดใหญ่แห่แหนพระอุโบสถเทินไว้กลางลำตัว ที่เปรียบเสมือนการอุ้มชูพระพุทธศาสนาให้คงอยู่สืบไปนั่นเอง
พระอุโบสถจตุรมุข วัดภูมินทร์
พระอุโบสถจตุรมุข สถาปัตยกรรมอันโดดเด่นด้วยเอกลักษณ์เฉพาะ ที่รวมเอาโบสถ์ วิหาร และเจดีย์ ไว้ในอาคารเดียวกัน ในลักษณะการจำลองแผนภูมิจักรวาลตามความเชื่อแห่งพุทธศาสนา โดยมีพระประธานจตุรทิศปางมารวิชัย 4 องค์ หันหน้าออกสู่ประตูทั้ง 4 ทิศ ประดิษฐ์ฐานอยู่ภายใน และมีนาคสะดุ้งขนาดใหญ่แห่แหนพระอุโบสถเทินไว้กลางลำตัว ที่เปรียบเสมือนการอุ้มชูพระพุทธศาสนาให้คงอยู่สืบไป
มีเรื่องเล่ากันว่า หากใครจะไปกราบขอพรพระจตุรทิศ ให้พยายามสังเกตหน้าองค์พระ 1 ในทั้งสี่ทิศ ซึ่งจะมีอยู่เพียงทิศเดียวเท่านั้น ที่หน้าองค์พระประธานจะมีลักษณะยิ้มแย้มมากกว่าทั้ง 3 ทิศที่เหลือ ก็ให้กราบขอพรยังทิศนั้นแล้วจะได้สมปรารถนาตามที่ตั้งใจ
ภาพจิตกรรมฝาผนังที่โดดเด่นเป็นพิเศษในวัดภูมินทร์แห่งนี้ก็คือ ภาพ “เสียงกระซิบบันลือโลก” หรือภาพ “ปู่ม่าน ย่าม่าน” ซึ่งเป็นคำเรียกผู้ชายผู้หญิงชาวไทลื้อสมัยโบราณ ในลักษณะกระซิบสนทนากัน
มีการแต่งคำกลอนภาษาคำเมือง ที่แต่งขึ้นมาสำหรับภาพปูม่าน ย่าม่านนี้ ว่าไว้ว่า
"กำฮักน้องกูปี้จั๊กเอาไว้ในน้ำก็กั๋วหนาว
จั๊กเอาไว้ปื้นอากาศกลางหาว
ก็กั๋วหมอกเหมยซ่อนดาวลงมาขะลุ้ม
จั๊กเอาไปใส่ในวังข่วงคุ้ม
ก็กั๋วเจ้าปะใส่แล้วลู่เอาไป
ก็เลยเอาไว้ในอกในใจ๋ตัวจายปี้นี้
จั๊กหื้อมันไห้ อะฮิ อะฮี้
ยามปี้นอนสะดุ้งตื่นเววา"
คำแปล “ความรักของน้องนั้น พี่จะเอาฝากไว้ในน้ำก็กลัวเหน็บหนาว จะฝากไว้กลางท้องฟ้าอากาศกลางหาว ก็กลัวเมฆหมอกมาปกคลุมรักของพี่ไปเสีย หากเอาไว้ในวังในคุ้ม เจ้าเมืองมาเจอก็จะเอาความรักของพี่ไป เลยขอฝากเอาไว้ในอกในใจของพี่ จะให้มันร้องไห้รำพี้รำพันถึงน้อง ไม่ว่ายามพี่นอนหลับหรือสะดุ้งตื่น
วัดภูมินทร์จะอยู่ใกล้กับวัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน ถ้ามาแถวนี้สามารถเที่ยวได้ถึง 3 ที่เลยครับ
ที่เที่ยวน่าน 05 : วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร
วัดพระธาตุช้างค้ำเป็นวัดเก่าแก่กลางเวียงเมืองน่าน และเป็นวัดเดียวในประเทศไทยที่มีปูนปั้นรูปช้างค้ำองค์พระธาตุไว้ ซึ่งเข้าใจว่าน่าจะเป็นที่มาของชื่อวัดพระธาตุช้างค้ำ
วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร สร้างขึ้นโดยพญาภูเข่ง เจ้าผู้ครองนครเมืองน่าน อายุมากกว่า 600 ปี ประกอบด้วยวิหารขนาดใหญ่ ลักษณะสถาปัตยกรรมแบบล้านนาไทย ลักษณะภายในโอ่โถง ประดิษฐานพระประธานองค์ใหญ่ มีเสาปูนกลมขนาด 2 คนโอบ จำหลัก ลวดลายปูนปั้นนูนสูงเหนือระดับพื้นวิหาร 1.50 เมตร เป็นลวดลายกนกระย้าย้อย เหมือนลวดลายของเสาในวิหารวัดภูมินทร์ ด้านหน้ามีสิงห์คู่ยืนตรงเชิงบันได
ภายในวัดยังประดิษฐานเจดีย์ช้างค้ำ ทรงลังกา สูงตระหง่านมีรูปปั้นรูปช้างครึ่งตัวประดับอยู่โดยรอบ ลักษณะเหมือนฐานรองรับไว้ด้านละ 6 เชือก รวมทั้งหมด 24 เชือก เป็นศิลปะที่น่านรับผ่านอาณาจักรสุโขทัย มีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์
ภายในประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ผู้คนนิยมไปสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล นอกจากนี้ยังมีหอไตรวัดช้างค้ำวรวิหาร ลักษณะโครงสร้างเหมือนวิหารและโบสถ์ มีสิงห์ยืนอยู่ตรงเชิงบันได งดงามด้วยลายปูนปั้น หลังคาซ้อน 3 ชั้น เป็นห้องเก็บพระธรรมและพระไตรปิฎก ปัจจุบันได้ปรับปรุงเป็นวิหาร เป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธนันทบุรีศรีศากยมณี พระพุทธรูปสุโขทัยปางลีลา หาชมได้ยากยิ่ง
ที่เที่ยวน่าน 06 : พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน
เดินข้ามถนนมาจากวัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหารก็จะเจอกับวัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหารน่านแล้วครับอยู่ใกล้ๆกันเลย
อาคารพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน เดิมเรียกว่า หอคำ หรือ คุ้มหลวง สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2446 โดยพระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช เจ้าผู้ครองนครน่าน เพื่อใช้เป็นที่พำนักและที่ออกว่าราชการ ต่อมาได้ใช้เป็นที่พำนักของเจ้ามหาพรหมสุรธาดา เจ้าผู้ครองนครน่านองค์สุดท้าย กระทั่งพิราลัย บุตรหลานของเจ้าผู้ครองนครน่าน จึงมอบอาคารพร้อมที่ดินให้กับรัฐบาล เพื่อใช้เป็นที่ตั้งของศาลากลางจังหวัด และเมื่อได้มีการสร้างอาคารศาลากลางหลังใหม่
ในปี พ.ศ. 2517 กระทรวงมหาดไทยจึงมอบอาคารและพื้นที่ให้กรมศิลปากร เพื่อจัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรมศิลปากรใช้เวลาอยู่นานหลายปีในการบูรณะตัวอาคารซึ่งอยู่ในสภาพทรุดโทรม จนล่วงมาถึงปี พ.ศ.2524 จึงแล้วเสร็จและเริ่มจัดแสดงภายใน และได้เปิดให้บริการแก่ประชาชนอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2530 โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จเป็นประธานในพิธีเปิด
อาคารชั้นล่างพิพิธภัณฑ์แห่งชาติน่าน
ประกอบด้วยส่วนหน้ามุขใช้เป็นห้องจำหน่ายบัตรเข้าชม หนังสือด้านวิชาการ สินค้าพื้นเมือง และของที่ระลึกอื่นๆ ส่วนโถงกลางรวมถึงปีกอาคารด้านทิศเหนือ ใช้แสดงเรื่องราวเกี่ยวกับชาติพันธุ์วิทยาเกี่ยวกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาว และชาวไทยพื้นเมืองภาคเหนือ และส่วนหลังซึ่งส่วนปีกอาคารด้านทิศเหนือ ใต้ และเฉลียง จัดแสดงเรื่องราวชีวิตความเป็นอยู่และเครื่องใช้ของเผ่าชนต่างๆ ที่อาศัยอยู่ในจังหวัดน่านอาคารชั้นบนพิพิธภัณฑ์แห่งชาติน่าน
ประกอบด้วยส่วนหน้ามุขซึ่งใช้เป็นห้องจัดนิทรรศการพิเศษ พื้นที่ส่วนกลางเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ใช้จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับภูมิศาสตร์ของเมืองน่าน และส่วนหลังซึ่งเป็นส่วนปีกของอาคารด้านทิศเหนือ ใต้ และเฉลียงหลัง จำวน 6 ห้อง ใช้จัดแสดงด้านโบราณคดีและประวัติศาสตร์ศิลปะของเมืองน่านตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันที่เที่ยวน่าน 07 : ชมซุ้มอุโมงค์ลีลาวดี
ซุ้มต้นลีลาวดีหรือต้นลั่นทม บริเวณหน้าพิพิธภัณฑ์แห่งชาติน่าน ที่ขึ้นเป็นแถวเรียงรายแผ่ขยายกิ่งก้านโค้งเข้าหากัน ราวกับอุโมงค์ต้นไม้ยิ่งใหญ่สวยงาม ที่เราชินตาจากภาพในต่างประเทศ
เหมาะอย่างยิ่งที่จะปั่นเจ้าคันโปรดมาพักผ่อนลอดซุ้มบันทึกภาพสุดชิลล์ ซึ่งบรรยากาศของการเดินอยู่ใต้โถงต้นลีลาวดีแห่งนี้ ถูกยอมรับว่าสวยงาม และร่มรื่นติดอันดับต้นๆ ของเมืองไทยเลยทีเดียว และเป็นหนึ่งจุดถ่ายรูปที่นักท่องเที่ยวต้องไม่พลาดเก้บความภาพประทับใจอีกด้วย
มีคนมาถ่ายรูปกับซุ้มอุโมงค์ลีลาวดีกันตลอดทั้งวันเลย
ใครที่มาเที่ยวน่านก็ลองแวะมาเที่ยวกันได้นะครับ ได้ทั้งความรู้และมีมุมถ่ายรูปสวยๆอีกด้วย
ที่เที่ยวน่าน 08 : วัดพระธาตุเขาน้อย
หลังจากที่ออกจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน ผมก็ขับรถต่อไปยังวัดพระธาตุเขาน้อยครับ
ใครที่มาเที่ยวเมืองน่าน แล้วไม่ได้มาที่วัดพระธาตุเขาน้อย ก็เหมือนจะขาดอะไรซักอย่างนึง เหมือนมาไม่ถึงจังหวัดน่าน เวลาเราผมหาข้อมูลเที่ยวของจังหวัดนี้ก็จะเจอกับรูปพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่อยู่บนเขา ซึ่งก็คือวัดพระธาตุเขาน้อยนั่นเอง
การเดินทางขึ้นมาบนวัดพระธาตุเขาน้อย ต้องอาศัยรถยนต์ส่วนตัว หรือการเช่ามอเตอร์ไซค์ขับขี่ขึ้นมาเท่านั้น เนื่องจากไม่มีรถประจำทางวิ่งผ่านมาบนยอดดอยเขาน้อย
จากตัวเมืองน่านใช้เส้นทางเดียวกับวัดพญาวัด แต่เลยไปอีกราว 2 ม. ขึ้นเขาไป ก็จะถึงยอดเขาน้อยซึ่งเป็นที่ตั้งของวัด
ขับรถขึ้นมาจะเจอกับทางเดินขึ้นพระธาตุเขาน้อยครับ ใครชอบเดินก็สามารถจอดรถไว้ตรงนี้แล้วเดินขึ้นบันไดกว่า 300 ขั้นขึ้นไปได้ครับ
แต่ถ้าร่างกายไม่ไหวก็ไม่ต้องกลัวครับ เพราะว่าเราสามารถขับรถขึ้นมาถึงด้านบนได้เลย มีที่จอดรถไว้บริการพอสมควรเลยครับ
มาถึงด้านบนของวัดพระธาตุเขาน้อยแล้วครับ มีห้องน้ำ ร้านกาแฟ ร้านขนม ร้านขายของที่ระลึกบริการนักท่องเที่ยวด้วย
วัดพระธาตุเขาน้อย ประวัติ
วัดพระธาตุเขาน้อยตั้งอยู่ บนยอดดอยเขาน้อย หมู่ที่ 11 ตำบลดู่ใต้ อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน เส้นทางเดียวกับวัดพญาวัด แต่เลยไปอีกราว 2 กิโลเมตร ขึ้นไปก็จะถึงยอดเขาน้อยซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดพระธาตุเขาน้อย เป็นปูชนียสถานที่สำคัญและเก่าแก่อีกแห่งหนึ่งของจังหวัดน่าน สันนิษฐานว่ามีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับพระธาตุแช่แห้ง ตั้งอยู่บนดอยเขาน้อยสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 240 เมตร หน้าวัดมีทางขึ้นเป็นบันไดนาค 303 ขั้น เมื่อขึ้นไปยืนบนยอดเขาจะมองเป็นทิวทัศน์ของเมืองน่านได้อย่างชัดเจนตามประวัติพระธาตุนี้สร้างโดยมเหสีรองพญาภูเข็ง เจ้าผู้ครองนครน่าน เมื่อราวพุทธศตวรรษที่ 20 เจ้าผู้ครองนครน่าน อีกหลายองค์ต่อมาได้บูรณะปฏิสังขรณ์องค์ พระธาตุโดยตลอด จนกระทั่งมีการบูรณะครั้งใหญ่ในสมัยพระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ ในปี พ.ศ. 2449-2454 โดยช่างชาวพม่า ชื่อหม่องยิง
องค์พระธาตุเป็นเจดีย์ก่อ อิฐถือปูนทั้งองค์ เป็นศิลปะพม่าผสมล้านนา ภายในบรรจุพระเกศาธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัม พุทธเจ้าได้ รับการบูรณะปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ ในสมัยพระเจ้าสุริยพงศ์ผริตเดชฯ ระหว่างปี พ.ศ. 2449-2454 โดยช่างชาวพม่า
เดินเลยมาอีกหน่อยก็จะเจอกับแลนด์มาร์คเมืองน่าน ที่เราขึ้นมาในวันนี้ครับ
จากวัดพระธาตุเขาน้อย เราสามารถมองเห็นทิวทัศน์โดยรอบของตัวเมืองน่าน ปัจจุบันบริเวณลานชมทิวทัศน์ ประดิษฐานพระพุทธมหาอุดมมงคลนันทบุรีศรีน่าน ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางประทานพร บนฐานดอกบัวสูง 9 เมตร บนยอดพระเกศาทำจากทองคำหนัก 27 บาท สร้างขึ้นเนื่องในมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ฯ ทรงเจริญ พระชนมพรรษา 6 รอบ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2542
แนะนำให้ขึ้นมาช่วงพระอาทิตย์ตกครับ จะสวยงามยิ่งขึ้น
ตรงนี้เป็นบันไดนาค 303 ขั้น จากด้านบนครับ จะเห็นว่าสูงมากครับ ใครแรงดีก็ลองเดินขึ้นมาได้ครับ
ใครมีเวลาก็ลองแวะมาเที่ยวดูนะครับ อยู่ในตัวเมืองน่านเลย หาเช่ารถจักรยานหรือมอเตอร์ไซค์ก็ได้ครับ มีให้เช่าที่ตัวเมืองหรือที่พัก
ที่เที่ยวน่าน 09 : วัดพระธาตแช่แห้ง
ก่อนที่จะกลับไปที่สนามบินยังพอมีเวลา เลยจะแวะไปไหว้พระที่วัดพระธาตแช่แห้ง องค์พระธาตุสีทองคู่เมืองน่าน ประจำปีเถาะ
วัดพระธาตแช่แห้ง ตั้งอยู่ที่ตำบลม่วงตึ๊ด อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน 55000 เป็นพระอารามหลวง ชั้นตรี ชนิดสามัญ นิกายเถรวาท มหานิกาย
ที่เห็นก็คือบันไดนาค 2 ตัว คู่กันซึ่งตั้งอยู่ด้านหน้าทางเข้าพระบรมธาตุซึ่งสามารถเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองน่านได้ในบริเวณกว้าง
“พระธาตุแช่แห้ง” เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองน่าน ตามตำนานของพระธาตุองค์นี้กล่าวว่า เมื่อครั้งพุทธกาล พระพุทธเจ้าได้เสด็จโปรดสัตว์มาถึงภูเพียงแช่แห้ง และพบกับพระอมละราชและพระมเหสีที่มาสรงน้ำที่เดียวกับพระองค์สรงน้ำอยู่ พระอมละราชได้ถวายผ้าขาวให้พระพุทธเจ้าใช้สรงน้ำ แต่ผ้านั้นกลายเป็นทองคำ พระอานนท์จึงขอพระเกศาธาตุบรรจุในกระบอกไม้ซาง มอบให้พระอินทร์นำไปเก็บในอุโมงค์พร้อมผ้าทอง โดยพระอินทร์ได้ก่อพระเจดีย์สูง 7 ศอกไว้ด้านบน
ต่อมาราวปีพ.ศ. 1896 สมัยพระยากานเมือง ได้ส่งช่างไปร่วมสร้างวัดหลวงที่สุโขทัย พระยาลือไทยจึงมอบพระธาตุ 7พระองค์ และพระพิมพ์คำ พระพิมพ์เงินอย่างละ 20 องค์ ให้พระยากานเมือง ซึ่งได้นำไปบรรจุไว้ที่ภูเพียง และพบพระเจดีย์ที่บรรจุพระเกศาธาตุและพระธาตุข้อมือข้างซ้ายของพระพุทธเจ้า พระองค์จึงให้ทำอุโมงค์ประดิษฐานพระบรมธาตุใหม่ และก่อพระเจดีย์เป็น “พระธาตุแช่แห้ง” คู่เมืองน่านมาจนทุกวันนี้ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ผู้คนมากราบสักการะกัน
บริเวณรอบๆก็ดูร่มรื่นมากครับ เดียวเราเข้าไปชมด้านในกัน
เข้ามาด้านในเราก็จะเจอกับเจดีย์วัดพระธาตุแช่แห้ง กับ วิหารหลวง
วิหารหลวง วัดพระธาตแช่แห้ง
อยู่ทางด้านทิศใต้ขององค์พระธาตุเป็นวิหารขนาดใหญ่ 6 ห้อง ห้องกลางมีขนาด 3 ห้อง และต่อชั้นลดออกไปทางด้านหน้า 2 ห้องและ ด้านหลัง 1 ห้อง ภายในวิหารหลวงมีพระเจ้าล้านทองเป็นพระประธาน พุทธลักษณะปาง มารศรีวิชัยศิลปะล้านนา ประทับนั่งบนฐาน เป็นพระพุทธรูปองค์ที่สวยงามในจังหวัดน่านองค์หนึ่งและ เป็นพระพุทธรูป คู่บ้านคู่เมืองมาช้านาน พระพุทธรูปประทับยืน ประดิษฐานใน วิหารหลวงจำนวน 2 องค์ปัจจุบัน องค์จริงมอบให้พิพิธภัณฑ์ จ.น่านอีกองค์ ถูกโจรกรรมและยังไม่ได้กลับคืน องค์ที่เห็นจำลองจาก องค์จริงทำพิธีหล่อเททองเมื่อ ปี 2550หน้าบันประตูของวิหารหลวงเป็นปูนปั้นลายนาคเกี่ยวกระหวัดกัน 8 หัว เอกลักษณ์ของศิลปะ เมืองน่าน
ภายในพระวิหารหลวงมีพุทธรูปประดิษฐานอยู่หลายองค์ มีพระอุ่นเมือง ปางสมาธิ เป็นศิลปะสกุลช่างน่านที่งดงาม มีพระเจ้าล้านทอง ปางมารศรีวิชัยศิลปะล้านนา ประทับนั่งบนฐานชุกชีสร้างด้วยอิฐถือปูนลงรักปิดทองสูง 8 ศอก สร้างเมื่อ พ.ศ. 2065 เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองมาช้านานที่สวยงามอีกองค์หนึ่งของจ.น่าน และยังมีพระพุทธรูปประทับยืน ประดิษฐานในวิหารหลวงจำนวน 2 องค์ ( ในอดีตสร้างด้วยไม้ ขนาดสูง 2.55 ม. ) ปัจจุบันองค์จริงมอบให้พิพิธภัณฑ์ จ.น่าน อีกองค์ถูกโจรกรรมและยังไม่ได้กลับคืน องค์ปัจจุบันจำลองจากองค์จริงทำพิธีหล่อเททองเมื่อปี พ.ศ. 2550
คำบูชานมัสการ พระธาตุแช่แห้ง วัดพระธาตุแช่แห้ง จังหวัดน่าน
ตั้ง นะโม ตัสสะฯ 3 จบ แล้วว่า......
ยาธาตุภูตา อะตุลานุภาวาจีรัง ปะติฏฐิตา นันทะกัปปะเกปุเร เทเวนะ คุตตา วะระพุทธะธาตุง จิรัง วันทามิ หันตัง ชินะธาตุโย โสตะถาคะตัง อะหังวันทามิ สัพพะทา อะหัง วันทามิ ทูระโต (สวด 3 จบ)
องค์กระธาตุแช่แห้งเป็นพระธาตุที่มีขนาดสูงถึง 55.5 เมตร ตั้งอยู่บนฐาน สี่เหลี่ยมจัตุรัส กว้างด้านละ 22.5 เมตร มีสีเหลืองอร่าม เนื่องจากบุด้วยแผ่นทองเหลือง ลักษณะของเจดีย์ทรง ระฆัง ส่วนฐานทำเป็นฐานหน้ากระดานสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ รองรับฐานบัวลูกแก้ว ย่อเก็จ ถัดขึ้นไปเป็นฐานหน้า กระดานสี่เหลี่ยมและแปดเหลี่ยมซ้อนลดหลั่นกัน 3 ชั้นองค์ระฆังมีขนาดเล็กบัลลังก์ทำเป็นแท่นสี่เหลี่ยม ย่อเก็จ ฐานหน้ากระดานกลมเป็นกระดานสี่เหลี่ยมและแปดเหลี่ยม และชั้นบัวคว่ำเหนือฐานแปดเหลี่ยม ตกแต่งคล้ายกลีบบัว หรือลายใบไม้แทนลายดังกล่าวนี้คงได้้รับอิทธิพลจากศิลปะพม่า ซึ่งนำมาต่อเติมขึ้นภายหลัง เมื่อล่วงเข้า พุทธศตวรรษที่ 24 แล้ว
ใครที่เกิดปีเถาะก็ลองหาโอกาสมาไหว้กันดูนะครับ
จากนั้นผมก็ต้องขับรถไปเติมน้ำมันเต็มถังครับ และกลับไปคืนรถที่สนามบินน่านนคร
โดยทริปเที่ยวน่าน 2 วัน 1 คืน ผมใช้น้ำมันไป 500 บาทครับ การเช่ารถขับเอง ตอนรับรถเค้าจะเติมน้ำมันให้เราเต็มถังครับ ตอนเอารถไปคืนเราก็ต้องเติมคืนให้เค้าเต็มถังเหมือนเดิมครับ
จากนั้นก็มาทำการเช็คอินและโหลดกระเป๋ากับสายการบินแอร์เอเชีย ขากลับผมกลับไฟลท์ FD 3557 ออกจากน่าน 04:15 ถึงดอนเมือง 05:25
ก็เป็นอันจบทริปเที่ยวน่าน ตามแผนที่วางไว้ ถึงจะมีเวลาน้อยแค่วันหยุดเสาร์ - อาทิตย์ ก็สามารถมาเที่ยวพักผ่อนได้ครับ ใครที่กำลังหาข้อมูลเที่ยวเมืองน่านอยู่ก็สามารถนำไปปรับใช้ได้ครับ ยังมีอีกหลายสถานที่ ที่ผมยังไม่ได้อีกเยอะเลยครับ ไว้มีโอกาสจะกลับมาเที่ยวใหม่
สำหรับวันนี้สวัสดีครับผม....
จะแชร์ไว้นะคะ
ตอบลบ