9 สถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดในโตเกียว สำหรับมือใหม่เที่ยวญี่ปุ่น พร้อมวิธีเดินทาง

สวัสดีครับวันนี้ mukura จะมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในโตเกียว ที่ไม่ควรพลาด เหมาะกับมือใหม่หรือใครที่มาเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก พร้อมบอกวิธีเดินทาง เที่ยวตามได้ง่ายๆเลยครับผม

ช่วงนี้กระแสเที่ยวญี่ปุ่นค่อนข้างจะมาแรงมากๆครับ แต่สำหรับใครที่กำลังวางแผนที่จะไปเที่ยวเองแล้ว ผมมีสถานที่ท่องเที่ยวในโตเกียวมาแนะนำกันครับ ซึ่งใครที่มาครั้งแรกไม่ควรพลาดเลยครับ ซึ่งที่เที่ยวต่างๆนี้ก็สามารถเดินทางไปได้ด้วยรถไฟใต้ดินและรถไฟ JR ครับ เป็นจุดเริ่มต้นสำหรับการออกเที่ยวญี่ปุ่นเลยเพราะว่า 9 ที่แห่งนี้นั้นสามารถไปได้ง่ายๆ

เดียวไปชมกันครับว่า 9 สถานที่ท่องเที่ยวในโตเกียวนั้นจะมีอะไรบ้าง

วัดอาซากุสะ (Sensoji Temple)

วัดอาซากุสะ (ASAKUSA TEMPLE) หรือ วัดเซ็นโซจิ (SENSOJI) นั้นเป็นสถานที่ติดอันดับที่นักท่องเที่ยวจะต้องมาเมื่อมาเที่ยวญี่ปุ่น ผมก็ไม่พลาดเหมือนกันเนื่องจากว่า ที่พัก Khaosan Tokyo Origami ของผมนั้นอยู่หลังวัดอาซากุสะนี่เอง เลยทำให้เดินผ่านอยู่หลายรอบรีวิวในตอนนี้เลยจะมีรูปทั้งตอนกลางวันและตอนกลางคืนมาผสมกัน

วัดเซนโซ (ญี่ปุ่น: Sens?-ji ) หรือที่รู้จักกันในชื่อ วัดอาซากุสะ เป็นวัดพุทธในย่านอะสะกุสะ เขตไทโต โตเกียว เป็นวัดที่เก่าแก่และมีความสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในโตเกียว แรกเริ่มเคยเป็นวัดในสายเทนได ต่อมาได้แยกเป็นอิสระหลังสงครามโลกครั้งที่สอง บริเวณติดกับวัดเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าอาซากุสะ ซึ่งเป็นศาลเจ้าในศาสนาชินโต

วิธีการเดินทางมายังวัดอาซากุสะ ก็นั่งรถไฟใต้ดินสาย Ginza Line มาลงสถานี Asakusa ได้เลยครับ

พระราชวังอิมพีเรียล (Imperial Palace)

สำหรับพระราชวังอิมพีเรียล (Imperial Palace) นั้นก็เป็นโปรแกรมพื้นฐานสำหรับคนที่มาเที่ยวโตเกียวเลยทีเดียวครับ ผมก็เลยต้องมาซะหน่อย โดยไฮไลท์ของที่นี่ก็ต้องมาถ่ายรูปสะพานแว่นตา (Nijubashi Bridge)

พระราชวังอิมพีเรียล การเดินทาง : สามารถมาได้หลายทางมาก

นั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย M-Marunouchi Line (สีแดง) ลงสถานี M17-Tokyo ทางออก 6, D2 (Exit 6, D2)

นั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย H-Hibiya Line (สีเทา),สาย C-Chiyoda Line ลงสถานี H7/C9-Hibiya ทางออก B6 (Exit B6)

นั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย C-Chiyoda Line (สีเขียว) ลงสถานี C10-Nijubashimae ทางออก 2, B6 (Exit 2, B6)

นั่งรถไฟใต้ดิน Toei Line สาย I-Mita Line (สีน้ำเงิน) ลงสถานี I08-Hibiya ทางออก B6 (Exit B6)

นั่งรถไฟ JR สาย Yamanote Line (สายวงกลม-สีเขียว), Keihin-Tohoku Line (สีฟ้า) ลงสถานี Tokyo ทางออก Marunouchi Central Exit

ศาลเจ้าเมจิ (Meiji Jingu)

ศาลเจ้าเมจิ (ญี่ปุ่น: 明治神宮 Meiji Jingū) เป็นศาลเจ้าในศาสนาชินโต สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1920 เพื่ออุทิศถวายแด่ดวงวิญญาณของสมเด็จพระจักรพรรดิเมจิ และสมเด็จพระจักรพรรดินีโชเก็ง พระพันปีหลวง
ตั้งอยู่ในเขตชิบุยะ กรุงโตเกียว พื้นที่ถูกปกคลุมไปด้วยป่าดิบเขามีต้นไม้ที่ต่างสายพันธุ์เป็นร้อยๆชนิดและมีมากกว่าแสนต้น เสมือนป่ากลางเมืองโตเกียว

วิธีเดินทางไปศาลเจ้าเมจิ

นั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย C-Chiyoda Line (สีเขียวเข้ม) / สาย F-Fukotoshin Line (สีน้ำตาลทอง) ลงสถานี C03/F15-Meiji-Jingumae ทางออก 2

5แยก ชิบูย่า (Shibuya)

สำหรับใครที่ได้มาเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองนั้น
ต้องหาโอกาศมาเดินข้ามถนนกันที่ 5 แยก ชิบูย่า (Shibuya) ซึ่งถือว่าเป็น Landmark อีกอย่างของกรุงโตเกียวเลยก็ว่าได้ ยิ่งเป็นช่วงเวลาเลิกงานหรือช่วงวันหยุด แยกนี้จะมีคนข้ามถนน
พร้อมๆกันเป็นพันๆคนเลยทีเดียว และที่ชิบูย่า (Shibuya) ก็ยังเป็นย่านชอปปิ้ง แหล่งรวมเสื้อผ้าแฟชั่น วัยรุ่น ร้านอาหาร อีกด้วย

ส่วนวิธีการเดินทางมาที่ ชิบูย่า (Shibuya)นั้นก็สามารถมาได้หลายทาง เช่น

รถไฟใต้ดิน Tokyo Metro : สาย G-Ginza Line : สาย F-Fukutoshin Line : สาย Z-Hanzomon Line : ลงสถานี Shibuya ได้เลย
รถไฟ JR Yamanote Line ลงสถานี Shibuya
รถไฟใต้ดิน Tokyu Line : Tokyu Den-en-toshi Line : สาย Tokyo Toyoko Line : ลงสถานี Shibuya ได้เลย

ฮาราจูกุ (Harajuku)

ฮาราจูกุ (Harajuku) นั้นเป็นศูนย์รวมของเด็กวัยรุ่น ที่แต่งหน้า แต่งตัว กันแบบที่เรียกได้ว่าหลุดโลก มาอวดโฉมกัน โดยในวันอาทิตย์ ตั้งอยู่ที่ถนน Takeshita ซึ่งเป็นถนนสายหลักของย่าน Harajuku แหล่งชอปปิ้งในย่านนี้จะเน้นไปที่เสื้อผ้าแฟชั่นแบบวัยรุ่น และร้านกิ๊ฟช๊อปน่ารักๆ

ตลาดอะเมโยโกะ(Ameyoko)

ตลาดอะเมโยโกะ (Ameyoko) มีสินค้าให้เลือกซื้อกันเยอะมากไม่ว่าจะเป็นของใช้ เสื้อผ้า กระเป๋า น้ำหอม หรือมีแม้กระทั่งของสด ปลา กุ้ง ปลาหมึก ไข่หอยแม่น ร้านอาหารก็มีไว้บริการหลากหลายแบบทั้งร้าน ซูชิ ข้าวแกงกระหรี่ ข้าวหน้าปลาไหล พื้นที่ตลาดนั้นมีขนาดใหญ่กินพื้นที่ไปหลายซอย ถ้าใครอยากจะเดินทั่วๆทุกร้านทุกซอยอาจจะใช้เวลาเป็นวันๆเลยก็ได้ครับ

ชมวิวโตเกียวมุมสูงฟรี ที่ศาลาว่าการกรุงโตเกียว

ตึกศาลาว่าการกรุงโตเกียว (Tokyo Metropolitan Government Building) นั้นตั้งอยู่ที่ 2-8-1 Nishishinjuku, Shinjuku, Tokyo 163-8001, Japan

ศาลาว่าการกรุงโตเกียว มีทั้งสิ้น 3 อาคาร คือ

อาคาร 1 (TMG Building No.1) สูง 243 เมตร มีทั้งหมด 51 ชั้น ** ตึกนี้ที่สามารขึ้นไปชมวิวได้ฟรี
อาคาร 2 (TMG Building No.2) สูง 163 เมตร มีทั้งหมด 37 ชั้น
อาคาร Tokyo Metropolitan Assembly Building อยู่ทางด้านหน้าของอาคาร 1 สูง 41 เมตร มี 8 ชั้น

ตึกศาลาว่าการกรุงโตเกียว Tokyo Metropolitan Government Building นั้นได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากเพราะว่าทางตึกได้เปิดพื้นที่บางส่วนให้สามารถขึ้นไปชมวิวมุมสูงของเมืองโตเกียวได้ฟรี ที่ระดับความสูงกว่า 202 เมตรเหนือพื้นดิน (ชั้นที่ 45) โดยทางขึ้นมีสองฝั่ง คือฝั่งเหนือ (The North Observatory) และฝั่งใต้ (The South Observatory)

โตเกียวสกายทรี (Tokyo SkyTree) กับ ตึกอาซาฮี [Asahi]

ถ้ามาเดินเล่นแถวอาซาสุกะแล้ว ก็ไม่ควรพลาดที่จะมาถ่ายรุปมุมนี้ครับซึ่งจะมองเห็นทั้ง โตเกียวสกายทรี (Tokyo SkyTree) กับ ตึกอาซาฮี [Asahi] เลย

ตลาดปลา tsukiji(ซึกิจิ)

ตลาดปลาแห่งแรกในโตเกียวถูกจัดตั้งขึ้นโดย โทะกุงะวะ อิเอะยะซุ ปฐมโชกุนแห่งเอะโดะ เพื่อสะดวกต่อการจัดหาวัตถุดิบเพื่อบริโภคในปราสาทเอะโดะ อิเอะยะซุได้เชิญชวนชาวประมงจากสึกุดะในโอซะกะ มาขายปลาที่นครเอะโดะ (โตเกียวในปัจจุบัน) แต่ทั้งนี้ ปลาต่างๆไม่ได้ถูกนำไปขายตรงถึงปราสาท แต่ไปขายในบริเวณใกล้ๆกับ สะพานนิฮง ซึ่งที่นั่นถูกเรียกว่า อุโอะงะชิ (ท่าปลา) ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดสำคัญของเอะโดะ สิงหาคม ค.ศ. 1918 เกิดการจลาจลข้าว (โคะเมะ โซโด) ซึ่งมีผู้ประท้วงและก่อจลาจลในกว่าร้อยเมือง เพื่อต่อต้านภาวะขาดแคลนอาหารและราคาข้าวที่แพง รัฐบาลจักรวรรดิญี่ปุ่นถูกกดดันให้จัดตั้งสถาบันเพื่อจำหน่ายอาหารแห่งใหม่โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่เขตเมือง จนในที่สุด กฎหมายตลาดค้าส่งกลาง จึงถูกตราขึ้นในเดือน มีนาคม ค.ศ. 1923

วิธีเดินทาง ตลาดปลา tsukiji

วิธีที่ 1 : นั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย H-Hibiya Line (สีเทา) ลงสถานี H10-Tsukiji ทางออก 1

วิธีที่ 2 : นั่งรถไฟใต้ดิน Toei Line สาย E-Oedo Line (สีชมพู) ลงสถานี E18-Tsukijishijo ทางออก A1)