รีวิว Hotel Villa Fontaine Tokyo-Shiodome ใกล้ตลาดปลาสึกิจิ โอไดบะ กินซ่า

Hotel Villa Fontaine Tokyo-Shiodome

ไปเที่ยวญี่ปุ่นคราวนี้ได้ไปพักที่ “โรงแรมวิลล่า ฟอนเทน โตเกียว - ชิโอโดเมะ” ซึ่งเป็นโรงแรมที่มีหลายสาขาในโตเกียว สาขาชิโอโดเมะใกล้ตลาดปลาสึกิจิที่มีชื่อเสียง, และยังไม่ไกลจากโอไดบะ, กินซ่า และรปปงหงิอีกด้วย ทำให้รู้สึกเดินทางไปไหนมาไหนสะดวกสบาย

โรงแรมวิลล่า ฟอนเทน ยังไม่เป็นที่รู้จักในหมู่คนไทย ก่อนที่จะมาโตเกียวได้ลองเสริ์จหาแล้วไม่มีรีวิวที่เป็นภาษาไทยของโรงแรมนี้เลย คราวนี้ได้มาพักก็เลยอยากรีวิวไว้เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้ทุกคนค่ะ
เว็ปไซต์ของโรงแรม: http://www.hvf.jp/thai/

โรงแรม Hotel Villa Fontaine Tokyo-Shiodome วิธีเดินทาง

Hotel Villa Fontaine Tokyo-Shiodome มีทางเข้าโดยตรงจากสถานีรถไฟใต้ดินสถานี Shiodome (E19) สาย Yurikamome หรือรถไฟใต้ดินสายโอเอโดะ ประมาณ 1 นาที และห่างจากสถานีรถไฟ JR Shinbashi เดินเพียง 5 นาที

มีทางเดินเชื่อมภายในสถานีเลย ทำให้ลากกระเป๋าเดินทางก็ไม่รู้สึกลำบาก ใครมีกระเป๋าใบใหญ่ๆหรือมาเที่ยวกับผู้อายุก็สะดวกเลยแบบนี้

เดินเข้าโรงแรมมาก็เจอกันเปปเปอร์คุง (หุ่นยนต์) ที่ยืนต้อนรับอยู่

สำหรับผู้ที่พูดภาษาญี่ปุ่นไม่ได้ก็ไม่ต้องกังวล เพราะที่ Hotel Villa Fontaine Tokyo-Shiodome มีส่วน Information ที่แนะนำเป็นภาษาอังกฤษอยู่

ข้างๆ เคาน์เตอร์เช็คอินมีเครื่องแลกเงิน หากแลกเงินมาไม่พอก็สามารถแลกได้จากเครื่องนี้ได้

ถ้าไม่มีคีย์การ์ดห้องพักก็จะไม่สามารถเข้าไปในส่วนของลิฟต์ได้ ในส่วนนี้เป็นหนึ่งในการรักษาความปลอดภัยที่ทำให้รู้สึกปลอดภัยในขั้นต้น

พอเดินเข้ามาในส่วนของลิฟต์ก็ได้กลิ่นหอมของน้ำมันหอมระเหยเป็นกลิ่นตะไคร้ ให้ความรู้สึกผ่อนคลายเหมือนอยู่ในสปาเลย

น้ำมันหอมระเหยนี้ (Original Blended Essential Oil) ทางโรงแรมมีจำหน่ายในราคา 2,160 เยนค่ะ ถ้าใครชอบกลิ่มหอมแบบนี้ก็สามารถซื้อกลับเมืองไทยได้เลย

คราวนี้ได้จองห้องพรีเมี่ยม (Premium Room) ไว้ ตอนที่จองราคา 18,000 เยน / คืน ในด้านราคานั้นอาจแตกต่างตามวันที่เข้าพักและขึ้นอยู่กับแบบห้องที่เราเลือก

สามารถเช็คได้จากหน้าเว็บของโรงแรมโดยตรง http://www.hvf.jp/thai/ มีภาษาไทยด้วย

จากห้องพักสามารถมองเห็นสวนญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียง เรียกว่า “สวนฮามาริคิว” (Hamarikyu Garden)

แชมพู – ครีมนวดผม – ครีมอาบน้ำของยี่ห้อชิเซโด้ ครีมนวดผมลองใช้แล้วผมนิ่มดี รู้สึกถูกใจมาก เพราะปกติใช้ตามครีมนวมผมตามโรงแรมแล้วผมแข็งมาก

อเมนิตี้อื่น ๆ ก็ตามมาตรฐานโรงแรมทั่วไป

และที่โดนใจอีกอย่างก็คือ อเมนิตี้สำหรับเด็ก เป็นลายหมีน่ารักถูกใจเด็ก ๆ

ภายในห้องพัก type นี้จะมีเครื่องนวดเท้าให้บริการฟรีด้วยค่ะ จะเดินเยอะแค่ไหนก็ไม่ต้องห่วง กลับมาพักนวดเท้าแล้วไปเที่ยวต่อได้สบายค่ะ

และยังมีสเปรย์ปรับอากาศของชิเซโด้, รองเท้าสลิปเปอร์, ชุดนอน และเครื่องฟอกอากาศของพานาโซนิคอีกด้วย

ห้อง type นี้ยังมีโซฟาไว้สำหรับนั่งพักผ่อน (ปกติโรงแรมที่ญี่ปุ่นภายในห้องพักจะไม่มีโซฟาให้ เพราะห้องแคบมาก)

จากนั้น เราไปเดินสำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ ภายในโรงแรม Hotel Villa Fontaine Tokyo-Shiodome กันค่ะ

นอกจากนี้ยังมีเครื่องขายของอัตโนมัติซึ่งสามารถซื้อน้ำอัดลมและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์, เครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้าแบบหยอดเหรียญ หากมาพักหลายวันก็ไม่ต้องห่วงเรื่องเสื้อผ้าที่จะซักค่ะ

พนักงานของโรงแรมแนะนำว่า ทางโรงแรมใช้เครื่องออกกำลังกายจากแบรนด์ที่มีชื่อเสียงที่ส่วนใหญ่ใช้ตามแมนชั่นหรู ๆ และสำหรับห้องออกกำลังกายก็สามารถเข้าใช้ได้ฟรี

ยังมีคอมพิวเตอร์ ปริ๊นเอกสาร และอินเตอร์เน็ตไว้ให้บริการอีกด้วย

เราออกจากโรงแรมเพื่อไปสำรวจแหล่งท่องเที่ยวใกล้ๆ โรงแรมกันบ้างดีกว่าค่ะ

วันนี้เราจะไปเที่ยวชมจุดที่ทำเครื่องหมาย ★ เอาไว้ เดินทางสะดวกและไม่ไกลจากโรงแรมเลยค่ะ

จากโรงแรมไปกินซ่าโดยนั่งรถไฟใต้ดินสายยูริคาโมเมะและสายกินซ่า ประมาณ 10 นาที

เริ่มแรกเรามาเดินเล่นที่กินซ่ากันค่ะ

นี่คือห้างใหม่ล่าสุด “GINZA SIX”

โรงละครคาบูกิที่ซ่อมแซมใหม่ดูไฉไลกว่าเดิม ช่วงเวลากลางคืนที่นี่เปิดไฟสวยงามทำให้เป็นจุดนิยมของนักท่องเที่ยวที่จะมาถ่ายรูป

หลังจากนั้น เราออกจากชิมบาชิไปโอไดบะกันต่อค่ะ โดยนั่งสายยูริคาโมเมะ (โมโนเรล)

ที่โอไดบะมีร้านค้าและร้านอาหารที่ตกแต่งน่ารัก ๆ มากมาย เป็นสวรรค์ของนักช้อปปิ้งเลยทีเดียว

พักทานอะไรรองท้องก่อนที่ร้านคาเฟ่ยอดนิยม

และที่ห้ามพลาดเลยคือ เรนโบว์บริดจ์ในเวลากลางคืนเปิดไฟดูสวยงามโดยมีโตเกียวทาวเวอร์เป็นจุดประกอบฉากด้านหลัง!

โรงแรมวิลล่า ฟอนเทน โตเกียว – ชิโอโดเมะ นั้นใกล้แหล่งท่องเที่ยวที่อยู่ใจกลางโตเกียว ทำให้สามารถเที่ยวจนดึกได้เลยค่ะ

หลังจากเหนื่อยมาทั้งวันก็กลับมาพักผ่อนที่โรงแรม และจากห้องพักก็ยังสามารถเห็นวิวยามค่ำคืนของโตเกียวได้อีกด้วย

สำหรับอาหารเช้านั้น โรงแรมให้บริการแบบบุพเฟ่ฟรี จุดนี้ถูกใจมาก ๆ รสชาติอร่อยใช้ได้ค่ะ
ขนมปังของที่นี่อร่อยมาก อันนี้ขอแนะนำว่าต้องทาน เห็นที่ด้านข้างไลน์อาหารจะมีพนักงานอบใหม่ๆ สดๆ ร้อนๆ ตลอดเวลา

ซุปมี 2 ชนิดให้เลือกทาน เครื่องจัดเต็มมาก รสชาติอร่อยดี แต่ออกเค็มไปนิดค่ะ

ทั้งหมดนี้ให้บริการฟรี และมีกาแฟออแกนิคด้วยค่ะ

หลังจากอิ่มจากมื้อเช้าแล้วเราไปเที่ยวตลาดปลาสึกิจิเพื่อทานอาหารกลางวันและเดินเที่ยวสวนฮามาริคิวที่อยู่ใกล้โรงแรมกันค่ะ

ออกเดินทางจากโรงแรมวิลล่า ฟอนเทน โตเกียว - ชิโอโดเมะไปตลาดปลาสึกิจิโดยนั่งรถไฟใต้ดินสายโอเอโดะ (Oedo Line) จากสถานีชิมบาชิ (Shinbashi Sta.) ไปลงสถานีสึกิจิชิโจ (Tsukijishijo Sta.) ให้ออกทาง A1 วิธีที่ง่ายที่สุดโดยให้สังเกตคนจะเดินออกทางนี้เยอะมาก ๆ ให้เดินตามไปได้เลยไม่หลงแน่นอนค่ะ

หน้าตาทางออกของสถานีสึกิจิชิโจ (Tsukijishijo Sta.)

ตลาดปลาสึกิจิคึกคักตั้งแต่เช้า

Kitsune-ya เป็นร้านขายข้าวหน้าเนื้อและไส้วัวตุ๋นที่มีชื่อเสียง สำหรับผู้ที่ทานเนื้อไม่ควรพลาดค่ะ

มีอาหารทะเลสด ๆ มากมายให้เลือกซื้อ ทำให้เพลิดเพลินในการเดินไปกินไป

สอบถามจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวแจ้งว่า 10 โมงเช้าเป็นต้นไปนักท่องเที่ยวถึงจะสามารถเข้ามาในส่วนนี้ได้

ร้านข้าวหน้าปลาดิบก็มีให้เลือกมากมายตามใจชอบค่ะ

ส่วนด้านในของตลาดปลาสึกิจิก็มีร้านอาหารเช่นกันแต่มีไม่เยอะมากนัก ทำให้มีคนเข้าแถวรอต่อคิวเป็นแถวยาวมาก คราวนี้เราเดินออกมาหาอะไรทานที่ส่วนด้านหน้าที่มีร้านอาหารให้เลือกมากมายกันดีกว่าค่ะ สรุปมาลงตัว กันที่ร้าน Harenohi Shokudo

อาหารกลางวันเลือกทาน Kiwami-don ราคา 2,463 เยน

หลังจากออกจากตลาดปลาสึกิจิเราเดินกันต่อเพื่อไปสวนฮามาริคิว ใช้เวลาประมาณ 8 – 10 นาที โดยสวนแห่งนี้ตั้งอยู่ท่ามกลางตึกสูงที่รายล้อมและมีต้นสนมากมาย สวนแห่งนี้ยังเป็นที่นิยมมาถ่ายภาพสำหรับคู่บ่าวสาวและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ วันที่ไปนั้นได้เจอคู่บ่าวสาว 2 คู่มาถ่ายภาพด้วย สวนฮามาริคิวนั้นเสียค่าเข้าชมคนละ 300 เยนค่ะ

หลังจากนั้นก็กลับมาพักผ่อนที่โรงแรม

โรงแรมนี้ใกล้แหล่งท่องเที่ยวกลางโตเกียวทำให้อยากจะกลับมาอาบน้ำหรือพักผ่อนเมื่อไหร่ก็ได้ รู้สึกสะดวกสบายมากๆ

โรงแรมวิลล่า ฟอนเทนนั้นเป็นโรงแรมที่มีหลายสาขาอยู่ใจกลางกรุงโตเกียว เพื่อให้คุณสามารถเลือกพักสาขาที่เหมาะสมกับแผนการเดินทางของคุณ

และสำหรับผู้ที่พักต้องการหาที่พักใกล้ตลาดปลาสึกิจิและสวนฮามาริคิวนั้น โรงแรมวิลล่า ฟอนเทน โตเกียว – ชิโอโดเมะก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีค่ะ